กูรูแนะเล่นหุ้นเสี่ยงต่ำ-ปันผลเด่นSET บ่ายทรงตัวแถว 1,400 จุด
SET เช้านี้ปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ส่วนเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ทำให้ Flow น่าจะชะลอตัว และตลาดไร้ปัจจัยหนุนใหม่ แนะติดตามประชุม BOJ ศุกร์นี้ ส่วนเรื่องเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยธ.ค.ต้องดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ คาดบ่ายนี้ดัชนีทรงตัวแถว 1,400 หากหลุดจะมีแนวรับ 1,388 ส่วนแนวต้าน 1,410-1,420 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (29 ต.ค.) เช้านี้ปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่จากแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้า โดยมีแรงกดดันจากกลุ่มแบงก์-สื่อสารที่ปรับตัวลง ด้านเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ทำให้ Flow น่าจะชะลอตัว และตลาดไร้ปัจจัยหนุนใหม่ แนะนำให้ติดตามประชุม BOJ ศุกร์นี้ ส่วนเรื่องเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยธ.ค.ยังต้องดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยแกว่งทรงตัวแถว 1,400 จุด หากหลุดจะมีแนวรับ 1,388 จุด ส่วนแนวต้าน 1,410-1,420 จุด ขณะที่ แนะนำ “พักเงิน” ในหุ้นความเสี่ยงต่ำ และจ่ายปันผลรายไตรมาสอย่าง DIF และ JASIF ที่ให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 1.9 – 2.0%
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่แดนลบ มีเพียงตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ลงแรง โดยมีปัจจัยหลักมาจากแรง take profit หลังจากที่ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่ง โดยตลาดมีแรงกดดันมาจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสารที่ปรับตัวลง นอกจากนี้ เงินบาทก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ Flow น่าจะชะลอ และตลาดฯก็ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการประชุม BOJ วันศุกร์นี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการเพิ่มวงเงิน QE หรือไม่ ส่วนเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ มองว่าเป็นเพียงแค่มองถึงโอกาสเท่านั้น เพราะพอมีสัญญาณนี้ออกมา ตลาดสหรัฐฯก็ยังคงปรับตัวขึ้นได้ อีกทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ก็ยังต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วย
แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งในลักษณะทรงตัว โดยมีแนวรับที่ 1,388 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,410-1,420 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) ว่า แม้หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ แต่แรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสาร และ SCC กดดัน SET ปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาด และในกรณีที่ปรับลดลงต่ำกว่า 1,398 จุด วันนี้ จะทำให้การ “พักฐาน” ของ SET ใช้เวลายาวนาน และลึกกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ด้วยแนวรับถัดไป 1,375 จุด จึงแนะนำ “พักเงิน” ในหุ้นความเสี่ยงต่ำ และจ่ายปันผลรายไตรมาสอย่าง DIF และ JASIF ที่ให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 1.9 – 2.0%
ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่อ่อนแอในเดือน ก.ย.และเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวเป็นปัจจัยหนุนความคาดหวังต่อการชะลอขึ้นดอกเบี้ย Fed ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก Fed ยืนยันว่ายังพิจารณาการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC เดือน ต.ค.เหมือนเดิมส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 0.10% เป็น 2.1% และตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าพิจารณาจาก Implied Fed Fund Futures Rate จะเห็นว่าตลาดยังคาดการณ์โอกาสเพียง 46% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ต.ค.) SET ช่วงเช้าปิดลบ โดยเป็นการปรับตัวลง สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปวานนี้ ที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น และเป็นการปรับลงที่มากกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค ยกเว้นอินโดนีเซีย สาเหตุหลักของการปรับตัวลง คาดว่าจะมาจากการที่ผลการประชุม FED เมื่อคืน ส่งสัญญาณ ว่าอาจจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปี ส่งผลให้ตลาดส่วนใหญ่เพิ่มน้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีเพิ่มขึ้น จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นต้นปีหน้า
ขณะที่ ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติ อาจจะกลับมาไหลออกอีกครั้ง ผสานกับคาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ขายทำกำไร ลดความเสี่ยงเพื่อรอดูตัวเลข GDP ไตรมาสมาส 3/58 ของสหรัฐที่จะออกมาในคืนนี้ ซึ่งตัวเลขนี้จะช่วยเพิ่มความชัดเจน เกี่ยวกับช่วงเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยได้
แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค ดัชนีปรับตัวลงแรงต่อเนื่องและมีโอกาสที่จะทดสอบแนวรับ 1,390 ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่ามีโอกาสกลับตัวขึ้นทางเทคนิค ซื้อระยะสั้น หรือซื้อถือบางส่วน
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
SCI มูลค่าการซื้อขาย 1,886.20 ล้านบาท ปิดที่ 10.40 บาท ลดลง 0.40 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,798.68 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,349.35 ล้านบาท ปิดที่ 38.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,165.47 ล้านบาท ปิดที่ 173.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,162.49 ล้านบาท ปิดที่ 458.00 บาท ลดลง 10.00 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์