สะสม 14 หุ้น อินเทรนด์ เก็งกำไรสั้นSET อ่อนตัวต่อเนื่องตามตลาดตปท.
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อเนื่องตามทิศทางตลาดต่างประเทศ ขณะที่ทิศทาง Fund Flows ต่างชาติที่มีแนวโน้มชะลอตัวหากเฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การพักฐานของดัชนีเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ การลงทุนยังเน้นเก็งกำไรสั้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคเชิงบวก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.58 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า BOJ จะพิจารณาถึงความจำเป็นในการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปในการประชุมนโยบายการเงิน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนราคาผู้บริโภคและเพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืดที่ดำเนินมาเกือบ 2 ทศวรรษ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อเนื่องตามทิศทางตลาดต่างประเทศ ขณะที่ทิศทาง Fund Flows ต่างชาติที่มีแนวโน้มชะลอตัวหากเฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามการพักฐานของดัชนีเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ การลงทุนยังเน้นเก็งกำไรสั้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคเชิงบวก
หุ้นเด่นเลือก SAWAD-BEAUTY-CK-STEC-DIF-JASIF-TISCO-KKP-CPALL-EPG-SVI-STEC-COM7 และ SAWAD
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ต.ค.) ว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ชะลอตัวลงวันนี้ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุน ตลาดหุ้นยุโรป-สหรัฐฯ ราคาหุ้นกลุ่ม commodity ปรับตัวลดลง ละตลาดหุ้นเอเซีย รอผลประชุม BOJ ที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยในประเทศ แรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร จากความกังวลเรื่อง NPLs คาดจะยังมีอยู่ แต่การเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะเข้า ครม.สัปดาห์หน้า จะชะลอการลดลงของดัชนีฯในวันนี้ ไม่ให้เหมือนช่วง 2 วันที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน ภาพรวมของตลาด ที่มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมา แม้จะได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ตาม อีกทั้ง การที่ดัชนีฯ ลงมาต่ำกว่า 1,400 จุด เป็นสัญญาณทางเทคนิคที่ไม่ดีนัก เราแนะให้นักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อดูว่าดัชนีฯ จะมีการดีดตัวกลับที่ระดับใด การเข้าลงทุน ยังต้องเน้นเล่นสั้นๆ
สำหรับหุ้นที่คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจในวันนี้ อาทิเช่น CPALL, EPG, SVI
Stock in Focus: STEC (ราคาเหมาะสม โดย KTBST 30 บาท)
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ต.ค.) ว่า SET หลุดแนวรับระยะสั้น 1,420 และ 1,398 จุด จากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ (ขายหุ้น และเปิดสถานะ Short ในตลาด TFEX) หลัง Fed ยังไม่ทิ้งโอกาสที่จะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งทำให้การ “พักฐาน” ของ SET ใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ด้วยแนวรับ Uptrend Line ระยะสั้น 1,375 จุด อย่างไรก็ตามเรายังมองโอกาสในการปรับขึ้นระยะสัปดาห์ที่เป้าหมาย 1,450 และปลายปีที่ 1,500 จุด ต่อไป
แม้การพักฐานของ SET จะลึก และใช้เวลานาน กว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ แต่ยังมองเป็นโอกาส “ซื้อ” ต่อ
1) กำไรไตรมาส 3ปี 2558 แข็งแกร่ง: “ซื้อ” SAWAD BEAUTY
2) รับเหมาฯ: เล็งใช้ ม.44 เร่งลงทุน “ซื้อ” CK STEC
3) เช่าซื้อที่ Valuation ต่ำ ปันผล 5-6% “ซื้อ” TISCO KKP
4) Infra-Fund: “พักเงิน” รับปันผล 1.9% สำหรับ DIF และ JASIF
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ต.ค.) ว่า ภาวะการซื้อขายวานนี้ได้รับผลกระทบจากทิศทาง Fund Flows ต่างชาติที่มีแนวโน้มชะลอตัวหากเฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค. นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET ต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1,400 จุด ซึ่งทางฝ่ายวิจัยแนะนำให้ลดพอร์ตการลงทุนลง โดยประเมินดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงสู่แนวรับ 1,360-1,380 จุด
ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค เช่น COM7, SAWAD
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาดมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อเนื่อง คาดการเคลื่อนไหวของ SET จะอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยผลการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 27-28 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เริ่มชัดเจนมากขึ้น ในการที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ส่งผลต่อแรงขายหุ้นในหลายตลาด โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และไทย ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง กดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง
หุ้นแนะนำ: CK