กูรูแนะซื้อ 12 หุ้นฮิต! มีปัจจัยหนุนSET บ่ายแกว่งแคบ-รอปัจจัยใหม่

ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นสวนทางภูมิภาค จากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำให้มีแรงซื้อกลับหุ้นพลังงาน แต่ภาพรวมตลาดยังกังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยธ.ค.นี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งจีนและสหรัฐฯอ่อนแอเป็นปัจจัยกดดันอยู่ แนวโน้มช่วงบ่ายแกว่งแคบ ให้กรอบแนวรับสัปดาห์นี้ที่ 1,378 จุด แนวต้าน 1,421 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (2 พ.ย.) ปรับขึ้นสวนทางภูมิภาค จากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำให้มีแรงซื้อกลับหุ้นพลังงาน แต่ภาพรวมตลาดยังกังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยธ.ค.นี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งจีนและสหรัฐอ่อนแอเป็นปัจจัยกดดันอยู่

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยแกว่งแคบ ให้กรอบแนวรับสัปดาห์นี้ที่ 1,378 จุด แนวต้าน 1,421 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อ AOTMINT-SAWAD-BEAUTYEPG-STEC-CK-KTB-TISCO-KKP-DIF และ JASIF

 

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นสวนทางภูมิภาค จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นจึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT แต่มองว่าการปรับขึ้นของดัชนียังไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากภาพรวมยังกังวลความคาดหมายที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ ส่งผลกระทบเชิงลบกับอารมณ์นักลงทุน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจทั้งจีนและสหรัฐอ่อนแอ

ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ร่วงหนัก 2% หลังจากการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันศุกร์ไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยแกว่งแคบ เนื่องจากเพราะภูมิภาคปรับลงให้กรอบสัปดาห์นี้ แนวรับที่ 1,378 แนวต้าน 1,421 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) SET แกว่งแคบด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลง ในรูปแบบการ “สร้างฐาน” ต่อเนื่องจากช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่นมา โดยหุ้นกลุ่มสื่อสาร อย่าง ADVANC และ INTUCH เป็นกลุ่มหุ้นที่กดดันตลาด หลัง กทค.มีมติเลื่อนประมูลคลื่น 900MHz ออกไปเป็น 15 ธ.ค. อย่างไรก็ตามมอง Downside Risk ของ SET จำกัด และคงมองเป้าหมายปลายเดือน พ.ย.ที่ 1,450 และปลายปีที่ 1,500 จุด เหมือนเดิม

ทั้งนี้ แม้ราคาหุ้น ADVANC-INTUCH ถูกกดดันจากการเลื่อนประมูล 900MHz เป็น 15 ธ.ค. แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” INTUCH และ ADVANC ต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยหนุนจาก 1) การประมูลคลื่น 1800MHz และ 900MHz ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เป็นการปลดล็อก Bandwidth ที่มีจำกัดในปัจจุบัน 2) ผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตอีกครั้งตั้งแต่ 7-11% ในปี 2558-59 หลังจากหดตัวในปี 57 3) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 5.4-6.8% ในปี 2557-58

อย่างไรก็ตาม แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มท่องเที่ยวที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ปลายปี อย่าง AOT และ MINT โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจอาหารของ MINT เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 3/58 แล้ว นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ”

1. กำไรไตรมาส 3/58 เติบโตแข็งแกร่ง: SAWAD-BEAUTY และ EPG

2. รับเหมาฯ รัฐบาลอาจใช้ ม.44 เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: STEC-CK

3. กลุ่มธนาคารที่ Valuation ถูก ใกล้เคียง Book Value และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5-6%: KTB-TISCO และ KKP

4. กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน: อย่าง DIF และ JASIF เป็นเป้าหมายในการ “พักเงิน” รับปันผลรายไตรมาสให้ผลตอบแทน 1.9+/- %

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,499.38 ล้านบาท ปิดที่ 5.60 บาท ลดลง 0.05 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 668.89 ล้านบาท ปิดที่ 175.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

SCI มูลค่าการซื้อขาย 575.07 ล้านบาท ปิดที่ 9.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 461.78 ล้านบาท ปิดที่ 231.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 449.94 ล้านบาท ปิดที่ 280.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button