กูรูเชียร์ซื้อ 12 หุ้นฮิต! มีประเด็นหนุนSET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ รอปัจจัยใหม่

SET เช้านี้แกว่งไซด์เวย์ โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างรอการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ ช่วงบ่ายคาดเคลื่อนไหวคล้ายกับช่วงเช้าทีผ่านมา หากยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยหนุน พร้อมให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,408 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (6 พ.ย.) เช้านี้แกว่งไซด์เวย์ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่รอการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบ

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวไซด์เวย์เช่นเดียวกับภาคเช้า เนื่องจากยังขาดปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญในวันนี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,408 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อ AOT-ADVANC-BLA-TISCO-PTTSCC-BEAUTY-EPG-TISCO-KKP-SAWAD และ MTLS

 

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนอยู่ระหว่างรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐจะออกมาเป็นอย่างไร ประกอบกับในวันนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาและมีต่อตลาด

ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบคละกัน โดยไม่มีปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นในวันนี้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวไซด์เวย์เช่นเดียวกับภาคเช้า เนื่องจากยังขาดปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญในวันนี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,420 จุด แนวรับ 1,408 จุด

 

ด้านฝ่ายวิจัย ระบุในบทวิเคราะห์ (6 พ.ย.) SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบ รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (คาดเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง) และอัตราการว่างงานสหรัฐ (คาดลดลงเหลือ 5.0%) คืนนี้

ขณะที่คงมุมมองบวกต่อ SET ระยะสัปดาห์เหมือนเดิม จากแรงซื้อหุ้นผ่านกองทุน LTF และมองระดับ PE ปัจจุบันที่ 14 เท่า อิงกำไรปี 2559 ใกล้เคียงระดับ PE ต่ำสุดในแต่ละปีช่วง 2556-58

ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” 1) กลุ่มหุ้น SET50 ที่เป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของกองทุน LTF อย่าง AOT-ADVANC-BLA-TISCO-PTT และ SCC

2) กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/58 จะออกมาดี อย่าง BEAUTY-EPG

3) หุ้นกลุ่มเช่าซื้อที่มี Valuation ถูก TISCO-KKP รวมไปถึง กลุ่ม MICRO Finance ที่คาดการณ์กำไรเติบโตสูง SAWAD-MTLS

นอกจากนี้ การควบรวมกิจการระหว่าง BMCL และ BECL ที่ใกล้เข้ามาแล้ว โดยจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัทในวันที่ 28 ธ.ค. นี้ ทำให้ BECL และ BMCL จะซื้อขายเข้าใกล้ Parity ที่นำไปแปลงเป็นหุ้นใหม่มากขึ้น หรือหมายความว่าราคาหุ้น

BECL = BMCL x 20.6

โดยถ้าพิจารณาจากราคาหุ้น BMCL ในปัจจุบันที่ 1.8 บาท ทำให้ราคา BECL อยู่ที่ 38.9 บาท หรือมีส่วนต่างจากราคาปัจจุบันประมาณ 3-6% ทำให้นักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้นเพื่อไปแปลงเป็นหุ้นใหม่ (BEM) แนะนำ

1) นักลงทุนที่มี BMCL แนะนำ “ขาย” BMCL และ “ซื้อ” BECL เข้ามาแทนในกรณีที่ราคา BECL ยังต่ำกว่า ราคา BMCL x 20.6

2) นักลงทุนที่มี BECL อยู่แล้ว แนะนำให้ถือ BECL ต่อไป

3) นักลงทุนที่ไม่มีทั้ง BECL และ BMCL อาจ “เก็งกำไร” BECL ระยะสั้น (เราแนะนำ “ขาย” BECL ในทางพื้นฐาน) โดยเฉพาะถ้าทะลุแนวต้าน 37.75 คาดว่าจะไปที่ 39.00 บาท 

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (6 พ.ย.) SET ช่วงเช้าปิดบวกได้ ด้านตลาดภูมิภาคปรับขึ้นเช่นกัน แต่เริ่มชะลอการซื้อขาย แนะให้ติดตามการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐคืนนี้ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งเศรษฐกิจสหรัฐต่อแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนันวาคมโดยผลการสำรวจระบุว่า รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. จะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มจาก 142,000 ตำแหน่งในก.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ 5.0%

ส่วนตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นได้ หลังมีแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มส่งออก เนื่องจากจากเงินเยนอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ ปิดภาคเช้าเกือบทรงตัว หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบรายปี และประกาศแผนซื้อคืนหุ้น แต่บริษัทได้ปรับลดคาดการยอดขายทั่วโลกในรอบปีที่สิ้นสุดเดือนมี.ค.ปีหน้า

แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค หลังจากดัชนีช่วงเช้าอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้านที่ 1,415 จุด หากภาคบ่ายยืนได้ต่อ มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,420 จุด หากยืนไม่ได้ คาดปรับตัวลงทดสอบ 1,410 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,658.76 ล้านบาท ปิดที่ 7.55 บาท ลดลง 0.15 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,062.29 ล้านบาท ปิดที่ 5.90 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 549.49 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

ASEFA มูลค่าการซื้อขาย 544.44 ล้านบาท ปิดที่ 5.0 บาท ลดลง 0.10 บาท

WHA มูลค่าการซื้อขาย 467.46 ล้านบาท ปิดที่ 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button