SET แกว่งแคบ-ระวัง Sell on factชู 19 หุ้นกลุ่มสื่อสาร-รายตัวมีปัจจัยหนุน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ แกว่งในกรอบแคบหรือปรับตัวลงจำกัด ระวัง Sell on fact ในหุ้นที่ปรับขึ้นจากการเก็งกำไรงบ 3Q15 ก่อนหน้านี้ สัปดาห์นี้นักลงทุนจะต้องติดตามดูทิศทางค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า จากคาดการณ์เฟดอาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.13 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.79 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังสหรัฐเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นมากเกินคาด ซึ่งหนุนความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ยอดส่งออกของจีนหดตัวลงในเดือนต.ค. ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเงินเยนอ่อนค่า
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ แกว่งในกรอบแคบหรือปรับตัวลงจำกัด ระวัง Sell on fact ในหุ้นที่ปรับขึ้นจากการเก็งกำไรงบ 3Q15 ก่อนหน้านี้ สัปดาห์นี้นักลงทุนจะต้องติดตามดูทิศทางค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า จากคาดการณ์เฟดอาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ ADVANC, INTUCH, BEAUTY, EPG, KKP, TISCO, SAWAD, MTLS, KCE, BLA, KTC, ROBINS, PS, QH, AP, WORK, SAMART, SAMTEL และ IFEC
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) แกว่งตัวหรือลบได้บ้าง เงินบาทอ่อนกดดันทุนต่างชาติ คาดดัชนียังคงปรับลงในกรอบแคบ คาดต่างชาติปรับพอร์ตขายสุทธิ หลังเงินบาทอ่อนเร็วเมื่อวันศุกร์ ตามดัชนีเงินดอลล่าร์ที่พุ่งแรงหลังสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงาน ต.ค.เพิ่ม 2.71 แสนตำแหน่ง อัตราว่างงานลดลงสู่ 5.0% และ wage growth เพิ่มมากกว่าคาด ซึ่งตัวเลขต่างๆ ชี้ว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในธ.ค.58ทั้งนี้เฟดฟันด์ฟิวเจอร์บ่งชี้โอกาส 68% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว อย่างไรก็ดีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นจะจำกัด ความเสี่ยงลง มองภาพรวมดัชนีไซด์เวย์ต่อ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่การประมูลคลื่น 4G คลื่น 1800 ในวันพุธ และงบไตรมาส 3/58 ของกลุ่มที่ไม่ใช่สภาบันการเงิน
หุ้นเด่น เก็งกำไร WORK/ซื้อ IFEC
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาเม็ดเงินยังไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนและเกาหลีใต้ โดยการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้ค่าเงินบาทเข้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 35.84 บาท/USD. ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นเช้านี้ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ มีโอกาสปรับตัวลดลง หลังจากค่าเงิน USD.มีแนวโน้มแข็งค่า สัปดาห์นี้ติดตามรายงานผลประกอบการ PTT ในวันพฤหัสนี้ และดัชนี MSCI จะรายงานการปรับพอร์ตการลงทุนในวันศุกร์นี้ กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียังแกว่งตัวในกรอบ 1,400 – 1,430 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน แนะนำซื้อลงทุน BLA , KTC , ROBINS ( + คาดการณ์ทิศทางผลประกอบการปีหน้าอยู่ในทิศทางบวก )
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) มีมุมมองเป็นกลางถึงลบต่อตลาดวันนี้ สัปดาห์นี้ SET จะมีความผันผวนสูงขึ้น แม้จะมีปัจจัยลบเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นทั้งจากความกังวลต่อเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้ามากขึ้น และตัวเลขส่งออกจีนเดือนต.ค ยังติดลบต่อเนื่องและแย่กว่าคาด ส่งผลราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองและน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เกิดแรงขายในตลาดพันธบัตร ค่าเงินบาทและภูมิภาคอ่อนค่าตามยูโร แต่ปัจจัยดังกล่าวเป็นไปตามที่เราและตลาดคาดก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐก็รับรู้มาก่อนหน้าด้วยเช่นกัน หาก SET ปรับตัวลงแรงก็จะมีแรงซื้อกลับจากเม็ดเงิน LTF และ RMF ดังนั้นเราจึงคิดว่าน่าจะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์วันนี้: BUY on Weakness/ระวัง Sell on fact ในหุ้นที่ปรับขึ้นจากการเก็งกำไรงบ 3Q15 ก่อนหน้านี้
Trading : SAMART SAMTEL (ตำรวจแจ้งไม่ผิด ม.112 แต่ผิดแค่ย้ายเสาสัญญาณ โทษแค่ปรับเท่านั้น)
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ที่ออกมาดี หนุนโอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.นี้เพิ่มขึ้นเป็น 68% (อิง Implied Fed Fund Futures) ส่งผลตลาดหุ้นโลก “ผันผวน” ระยะสั้น แต่มอง Downside Risk จำกัดที่ 1,408/1,386 จุด เนื่องจาก 1) นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตไปแล้วตั้งแต่ 2013 จนปัจจุบันถือหุ้นเพียง 30% ของตลาดหุ้นไทย 2) แม้ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย แต่การขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป 3) Valuation ของหุ้นใหญ่อย่างกลุ่มธนาคาร สื่อสาร (ประมูล 4G รอยู่) ต่ำ
ทำอะไรดี: ความ “ผันผวน” ของ SET ระยะสั้นจากความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ย Fed มองเป็นโอกาส “ซื้อ” หุ้นดังนี้:
1. ประมูลคลื่น 1800Mhz 11 พ.ย.: ADVANC INTUCH
2. คาดกำไร 3Q15 ออกมาดี: “ซื้อ” BEAUTY “เก็งกำไร” EPG
3. ดอกเบี้ยในประเทศต่ำ หนุน NIM “ซื้อ” KKP TISCO SAWAD MTLS
4. เงินบาทอ่อน เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ “ซื้อ” KCE
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) กลยุทธ์: แม้ปัจจัยหนุนภายในจะยังไม่มี แต่บรรยากาศภายนอก เริ่มยืนและคงจะผ่านจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค.ไปแล้ว ที่เหลือตอนนี้คงต้องจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมจะยืนหรือทรงตัวได้หรือไม่ หรือมีสัญญาณว่าไม่แย่ลง ก็ถือว่าเริ่มมีสัญญาณในเชิงบวกเกิดขึ้นซึ่งที่ผ่านมาเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว อย่างดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดัชนีการบริโภคและการลงทุนของเอกชน ดังนั้นประมาณปลายเดือนนี้หรืออย่างช้าเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป
ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะเริ่มยืนและผันผวนน้อยลง ส่วนจะขึ้นได้แรงหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานในประเทศ สัปดาห์นี้นักลงทุนจะต้องติดตามดูทิศทางค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า โดยค่าเงินบาทในวันนี้อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 35.83 บาท/ดอลลาร์ จากระดับ 35.493 บาท/ดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน จากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้นตามคาดการณ์เฟดอาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้ ดังนั้นค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงคาดว่าจะส่งผลให้มีแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศมากดดันดัชนีหุ้นไทยในวันนี้
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ ทยอยขายทำกำไร หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคาร พลังงานที่น่าจะเป็นเป้าหมายในการขายของนักลงทุนต่างประเทศ วันนี้ให้แนวรับที่ 1405-1410 และแนวต้านที่ 1420-1425 จุด
Fundamental Stock :PROPERTY : SECTOR NOTE (คำแนะนำ : เป็นกลาง Top pick : PS QH AP )