ปัจจัยนอกปท.กดดัน SET บ่ายซึมต่อ

SET เช้านี้ปรับตัวลงแนวเดียวกับตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ ยกเว้นจีน-ฮ่องกง รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีเพิ่มน้ำหนักคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยธ.ค.นี้ ส่วนตัวเลขของจีนแม้ออกมาแย่แต่ตลาดหุ้นจีนยังบวกจากเก็งรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะช่วงประกาศงบฯเลือกเล่นเป็นรายตัวและสะสมหุ้นเมื่อดัชนีฯย่อตัว บ่ายนี้ตลาดฯคงซบเซาต่อ ให้แนวรับ 1,400-1,390 แนวต้าน 1,415-1,420 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (9 พ.ย.) เช้านี้แกว่งตัวลงในแนวเดียวกับตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ ยกเว้นจีนและฮ่องกง รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีเพิ่มน้ำหนักคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยธ.ค.นี้ ขณะที่ตัวเลขของจีนแม้ออกมาแย่แต่ตลาดหุ้นจีนยังบวกจากเก็งรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะช่วงประกาศงบฯเลือกเล่นเป็นรายตัวและสะสมหุ้นเมื่อดัชนีฯย่อตัว คาดเล็ง RMF-LTF หนุน

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยคงซบเซาต่อ ให้แนวรับ 1,400-1,390 แนวต้าน 1,415-1,420 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวลงอย่างชัดเจนในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ยกเว้นตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง โดยตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากภายนอกประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลเพิ่มน้ำหนักคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้

นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาแย่ แต่ตลาดหุ้นจีนอยู่ในแดนบวกได้ เนื่องจากคาดการณ์กันว่ารัฐบาลจีนอาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก

อย่างไรก็ดี ช่วงนี้เป็นช่วงทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็สามารถเลือกลงทุนเป็นรายตัวได้ อีกทั้งสามารถทยอยสะสมหุ้นได้เมื่อดัชนีฯย่อตัว เพราะจะมีเม็ดเงินจาก LTF และ RMF มาช่วยหนุน

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดหุ้นไทยคงจะซบเซา เพราะวอลุ่มเทรดยังบาง พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,415-1,420 จุด

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ดัชนี SET ช่วงเช้าปิดลบ ขณะที่ตลาดภูมิภาคผันผวน ส่วนตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้น หลัง ก.ล.ต.จีนประกาศ จะเปิดซื้อขายหุ้นไอพีโอในช่วงสิ้นปีนี้ ภายหลังจากที่ได้มีการปรับปรุงระบบการจดทะเบียนหุ้นและหุ้นในตลาดเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งการเปิดซื้อขายหุ้นอีกครั้งของตลาดหุ้นจีนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตลาด

ส่วนสำนักงานศุลกากรจีน เผยยอดการค้าระหว่างประเทศ ต.ค.ของจีนลดลง 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โยเป็นการปรับตัวลงมากกว่าเดือนก.ย.ที่ 8.8% ยอดส่งออกของจีนเดือนต.ค.ลดลง 3.6% ยอดนำเข้าเดือนต.ค.ลดลง 16% ขณะที่แนะนำติดตาม NBS เปิดเผย CPI เดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้ คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนต.ค.มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่ปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย.

สำหรับปัจจัยในประเทศ ด้านรองผอ.สนง.บริหารหนี้สาธารณะ คาดหนี้สาธารณะสิ้นปีงบ 59 คาดว่าจะอยู่ไม่เกิน 46% ของ GDP นอกจากนี้ การเบิกจ่ายเงินกู้ในโครงการลงทุนต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจบางหน่วยงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงทำให้การเบิกจ่ายเงินกู้ลดลง สำหรับการลงทุนโครงการน้ำและถนน คาดทำให้ GDP ปี 58 เติบโตตามเป้าเฉลี่ยมากกว่า 3% 

แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค หลังจากดัชนีช่วงเช้าสามารถยืนเหนือแนวรับ EMA 120 120 mins ที่ 1,404 จุด ได้อย่างแข็งแกร่ง หากภาคบ่ายยืนได้ต่อ มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,412 จุด 

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,713.34 ล้านบาท ปิดที่ 6.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

GL มูลค่าการซื้อขาย 780.48 ล้านบาท ปิดที่ 19.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.80 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 627.63 ล้านบาท ปิดที่ 290.00 บาท ลดลง 6.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 615.95 ล้านบาท ปิดที่ 230.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

ITD มูลค่าการซื้อขาย 477.77 ล้านบาท ปิดที่ 7.85 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button