กูรูแนะซื้อ 13 บจ. มีปัจจัยหนุนSET บ่ายระวังแรงขายทำกำไร!

SET เช้านี้ปิดบวก โดยมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)เข้ามาต่อเนื่องช่วยประคองตลาดได้ อย่างไรก็ตามแรงซื้อของ LTF น่าจะมีเข้ามาเป็นรอบๆ ดังนั้น จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรช่วงสั้น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในการซื้อขายช่วงบ่าย แต่ภาพรวมคาดว่าดัชนีจะยังยืนอยู่ในแดนบวกได้ โดยมองแนวต้านบริเวณ 1,404 และแนวรับที่ 1,385 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (23 พ.ย.) ปรับตัวขึ้นได้ คาดได้รับแรงหนุนจากกองทุน LTF ที่ช่วยเข้ามาหนุนตลาดไว้ แต่อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา เนื่องจากวอลุ่มเบาบาง ส่วนตลาดภูมิภาคเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยจะยืนอยู่ในแดนบวกได้ แต่อาจจะมีเผชิญกับแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ทำให้ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ด้วยวอลุ่มที่ไม่มากนัก เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของไทยที่อาจจะมีเข้ามาเพิ่มเติม

โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,404 จุด และแนวรับที่ 1,385 จุด ขณะที่แนะนำซื้อ อย่าง BLA-TISCO-EGCO-CPALL-SCC-CK-STEC-TPIPL-IRPC-PTTGC-MTLSTISCO และ KKP

 

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวในเชิงบวก หลัง sentiment โดยรวมยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามา ประกอบกับยังมีเม็ดเงิน LTF เข้ามาต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องระวังแนวต้านระยะสั้นที่ 1,404 จุด อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา เพราะเม็ดเงิน LTF จะเข้ามาเป็นรอบๆ เมื่อผลักดันดัชนีขึ้นมาระยะหนึ่ง ก็จะมีแรงขายกดดันออกมา ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นลักษณะ sideways

ขณะที่มูลค่าซื้อขายของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังไม่มีมากนัก หลังนักลงทุนต่างชาติก็ไม่ได้ขายหุ้นไทยออกมามาก และก็ยังไม่ได้กลับเข้ามาซื้อมากนักด้วยเช่นกัน เนื่องจากยังรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในเดือนธ.ค.นี้ และรอดูตัวเลขเศรษฐกิจจากต่างประเทศด้วย

แนวโน้มการลงทุนช่วงนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะยืนอยู่ในแดนบวกได้ แต่อาจจะมีเผชิญกับแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ทำให้ดัชนีจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ด้วยวอลุ่มที่ไม่มากนัก เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของไทยที่อาจจะมีเข้ามาเพิ่มเติม โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,404 จุด และแนวรับที่ 1,385 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย.) SET ยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือนที่ 1,395 จุด เป็นสัญญาณ “กลับตัว” ระยะสั้น โดยคาดว่าแรงซื้อจากกองทุน LTF จะเป็นปัจจัยหนุน SET ปรับสูงขึ้นทดสอบ 1,420 หรือถัดไปที่ 1,445 จุด ตามลำดับ (อยากเห็นปริมาณการซื้อขายมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท เพื่อคาดหวังการปรับสูงขึ้น ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น)

ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” 1) เป้าหมายการซื้อของ LTF อย่าง BLA-TISCO-EGCO-CPALL และ SCC 2) รับเหมา-วัสดุก่อสร้าง CK-STEC-TPIPL 3) Laggard Plays ในกลุ่มโรงกลั่น IRPC-PTTGC 4) Momentum กำไรแข็งแกร่ง MTLS และ 5) เก็งยอดขาย Motor Expo ธ.ค.นี้ TISCO-KKP

ทั้งนี้ มอง CPF เป็น Turnaround Plays ที่น่าสนใจด้วย Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เป้าหมายพื้นฐาน 29.0 บาท ขณะที่ระยะสั้นลุ้นทะลุแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 22.50 บาท มีเป้าหมายถัดไปที่ 25.0 บาท โดยมีปัจจั้ยสนับสนุนดังนี้ 1) ธุรกิจกุ้งเริ่มฟื้นตัว เห็นได้จากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นมาที่ 12.6% เท่ากับก่อนช่วงเกิดโรค EMS คาดผลการดำเนินงานจะกลับมามีกำไรอีกครั้งภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

2) ธุรกิจต่างประเทศมีผลการดำเนินงานดีขึ้นไม่ว่าจะเป็น จีน เวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย 3) คาดการณ์กำไรกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ด้วยการเติบโต 22.4% 4) ปัจจุบัน CPF ซื้อขายที่ PBV 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปีที่ 2.2 เท่า ขณะที่ ROE กลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ปี 2559-60 เป็นต้นไปที่ 8.4-9.6% (ROE เฉลี่ย 2012-15 ที่ 8.9%)

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,305.70 ล้านบาท ปิดที่ 5.15 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

CPF มูลค่าการซื้อขาย 629.00 ล้านบาท ปิดที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

MTLS มูลค่าการซื้อขาย 462.41 ล้านบาท ปิดที่ 22.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 431.77 ล้านบาท ปิดที่ 20.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 377.31 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button