ลินฟ้อกซ์ และยัม! ประเทศไทยเปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่

ลินฟ้อกซ์ เอ็ม โลจิสติกส์เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ภายในทีพาร์ค-วังน้อย 2 ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตในธุรกิจด้านอาหารอย่างต่อเนื่องของลูกค้า-ยัม!ประเทศไทย โดยมีห้องเย็นจัดเก็บสินค้าที่อุณหภูมิถึง -22 องศาเซลเซียส เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารแช่แข็งจะคงความสด, อยู่ในสภาพที่ดีและปลอดภัยที่สุด


 

นายเดวิด เอมส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลินฟ้อกซ์ เอ็ม โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือของธุรกิจโลจิสติกส์ ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่า “ลินฟ้อกซ์ได้ฤกษ์เปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ที่โครงการทีพาร์ควังน้อย 2 บนพื้นที่คลังสินค้าขนาด 10,000 ตารางเมตร ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการจัดเก็บสินค้าอาหารคุณภาพ และกระจายสินค้าประเภทอาหารตามมาตรฐานระดับสากลของยัม! ประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญอย่างมากกับการจัดเก็บอาหารให้มีความสด ใหม่ คงคุณภาพทางโภชนาการ และมีความปลอดภัยของอาหารสูงสุดก่อนส่งตรงถึงผู้บริโภค ดังนั้น ทำเลที่ตั้งและคุณภาพของคลังสินค้าจึงสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ลินฟ้อกซ์คำนึงถึง”

“TPARK ตอบโจทย์ทั้ง 2 อย่างได้อย่างลงตัว ทั้งด้านที่ตั้งโครงการฯ ที่เหมาะสมสำหรับการกระจายสินค้า ทำให้ลินฟ้อกซ์สามารถจัดส่งสินค้าไปยังกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว จึงทำให้การจัดการด้านโลจิสติกส์มีความรวดเร็ว และตรงเวลา รวมไปถึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ในด้านคุณภาพของคลังสินค้าที่พัฒนาได้เหมาะสมกับการใช้งานตามคุณภาพมาตรฐานของระดับสากลของยัม! ประเทศไทย โดยมีจุดเด่นสำคัญของคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ (Built to Suit) คือ การออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าทั่วไป (Ambient) ขนาด 4,960 ตารางเมตร และห้องเย็น (Cold Storage) ขนาด 3.140 ตารางเมตร ภายใต้อาคารเดียวกันเพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ

โดยห้องเย็นที่พัฒนาขึ้นจะสามารถเก็บรักษาความเย็น ซึ่งคงอุณหภูมิตั้งแต่ 4 ถึง -22 องศาเซลเซียส เพื่อจัดเก็บสินค้าประเภทอาหารสด และอาหารแช่แข็ง เช่น ไก่สด เฟรนฟายด์ เป็นต้น ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ลินฟ้อกซ์ จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยคุณภาพมาตรฐานของคลังสินค้า และการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ดีของเรา จะทำให้อาหารสดและแช่แข็งที่จะส่งไปถึงมือเคเอฟซี และพิชซ่า ฮัท ในประเทศไทย จะยังคงคุณภาพที่ดี และมีความปลอดภัยด้านอาหารสูงสุด” นายเดวิด กล่าว

 

 

ด้านนางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซี ประจำประเทศไทย บริษัทยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารเคเอฟซี ผู้นำธุรกิจเชนร้านอาหารบริการด่วนของไทย กล่าวเสริมว่า “เคเอฟซี ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความสดใหม่ของอาหาร รวมถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นอันดับ 1 โดยเคเอฟซีพิถีพิถันในมาตรฐานกระบวนการปรุงอาหารทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกและการจัดเก็บวัตถุดิบก่อนนำมาปรุงอาหาร  โดยอาหารที่นำมาปรุงจะต้องสด ใหม่ สะอาด และอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือการขนส่งสินค้าไปยังร้านเคเอฟซีทุกร้านจะต้องรวดเร็วและตรงเวลา ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาคุณภาพอาหารให้สด ใหม่อยู่เสมอ เพื่อสามารถส่งต่ออาหารที่มีความปลอดภัย และมีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลให้กับลูกค้าเคเอฟซีทุกท่าน ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เราไว้วางใจให้ลินฟ้อกซ์ เอ็ม โลจิสติคส์ เข้ามาดูแลและบริหารจัดการระบบการจัดเก็บสินค้าและขนส่งอาหารของเคเอฟซีประเทศไทย รวมทั้งเพื่อรองรับแผนพัฒนาธุรกิจในการขยายสาขาให้ครบ 800 สาขาภายในปี ค.ศ. 2020”

 

 

นางซาบีนา ริกซ์วี่ ผู้จัดการทั่วไป พิซซ่า ฮัท ประจำประเทศไทย  บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล  )ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า “เรามั่นใจในความเชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติการโลจิสติกส์ของลินฟ้อกซ์ฯ โดยเฉพาะการจัดเก็บและขนส่งสินค้าอาหารที่ต้องคงอุณหภูมิความเย็นไว้ให้ได้ต่อเนื่อง  ระบบการจัดเก็บสินค้าที่ลดความซับซ้อนลง รวมถึงประสบการณ์และทีมงาน TPARK ในการพัฒนาออกแบบคลังสินค้าแห่งนี้ให้ได้คุณภาพสูง ตรงกับความต้องการและมาตรฐานเฉพาะของยัม!”

ทั้งนี้ นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ ทีพาร์คผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูงแห่งนี้ ได้กล่าวตบท้ายว่า “ทีพาร์ครู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ลินฟ้อกซ์ ​และ ยัม! มอบความไว้วางใจให้ทีพาร์คได้พัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูง แบบ BTS และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคลังสินค้าได้ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า และวิสัยทัศน์ในการเลือกทำเลยุทธศาสตร์ของทีพาร์คซึ่งเรามั่นใจว่า ทำเลวังน้อย ยังคงเป็นทำเลยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค โมเดิร์น เทรด และธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน หรือที่เรียกว่า Chain Restaurant ซึ่ง ยัม! ประเทศไทย นับเป็นลูกค้ารายแรกที่ดำเนินธุรกิจ Chain Restaurant ของทีพาร์ค จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทีพาร์คในการก้าวสู่ตลาดด้านธุรกิจอาหารซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราเชื่อมั่นว่า ในอนาคตจะมีลูกค้าในเซกเม้นท์นี้เข้ามาใช้บริการของทีพาร์คมากขึ้น” นายปธาน กล่าว

Back to top button