โบรกแนะเก็บ 5 หุ้น LaggardSET บ่ายซึมตัว ไร้ปัจจัยหนุน
SET เช้านี้ไม่ค่อยมีแรงขับเคลื่อนตลาด เหตุไร้ปัจจัยใหม่หนุน ทั้งยังจับตาสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ตุรกี รวมถึงเศรษฐกิจจีน-ฝรั่งเศส ส่วนในประเทศรอดูการประมูลรถไฟทางคู่ในต้นเดือนธ.ค. ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้อิงแดนบวก บ่ายนี้ตลาดฯคงยังซบเซา และความผันผวนอาจมีมาก พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 แนวต้าน 1,385 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (26 พ.ย.) ปรับตัวขึ้นไปก่อนและย่อตัวลงมา ขณะที่ วอลุ่มเทรดเบาบาง ซึ่งตลาดผันผวนหลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร คาดเป็นผลจากที่การประมูล 4G อาจทำให้ต้นทุนเพิ่ม และกระทบต่อการจ่ายปันผลน้อยลง ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่อิงในแดนบวก
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่ายตลาดหุ้นไทยคงยังซบเซา และความผันผวนอาจมีมาก พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 แนวต้าน 1,385 จุดขณะที่ กลุ่มหุ้นที่ Laggard ยังดำเนินต่อไป โดยมองกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ KBANK , วัสดุก่อสร้าง SCC–TPIPL, และกลุ่ม Defensive ที่มี Momentum ฟื้นตัวอย่าง DIF–BTSGIFจะแข็งแกร่งกว่าตลาด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีกำลัง โดยช่วงเช้าปรับตัวขึ้นไปก่อนและย่อตัวลงมา ขณะที่ วอลุ่มเทรดเบาบาง ซึ่งตลาดผันผวนหลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน อีกทั้งใกล้ช่วงวันหยุดยาวด้วย
สำหรับปัจจัยในประเทศให้ติดตามการประมูลโครงการสร้างพื้นฐานในส่วนของรถไฟทางคู่ที่จะมีขึ้นในต้นเดือนธ.ค.นี้ ส่วนปัจจัยนอกประเทศให้จับตาสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ตุรกี รวมถึงเศรษฐกิจจีน และฝรั่งเศสด้วย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่อิงในแดนบวก ซึ่งปัจจัยจากต่างประเทศไม่มีอะไรเด่นในช่วงนี้ คงเป็นเรื่องราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมาช่วยได้บ้าง และยังจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในต้นเดือนหน้า ที่อาจจะมีมาตรการเสริมเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะอ่อนกว่าภูมิภาค โดยมีแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ซึ่งอาจเป็นผลจากที่การประมูล 4G อาจทำให้ต้นทุนเพิ่ม และอาจจะกระทบต่อการจ่ายปันผลให้น้อยลง
แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยคงจะยังซบเซา และความผันผวนอาจมีมาก พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,385 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า แม้ตลาดหุ้นโลกเริ่ม Rebound แต่การปรับลดลงของหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ADVANC-INTUCH-DTACและ JAS กดดัน Sentiment ตลาดโดยรวม ส่งผล SET ปรับลดลงต่ำกว่าแนวรับย่อยบริเวณ 1,375 จุด เมื่อเช้าที่ผ่านมา และมีแนวรับสำคัญถัดไปที่ 1,367 จุด อิงเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
ขณะที่ Sector Rotation จากกลุ่มหุ้นที่ปรับสูงขึ้นแรงก่อนหน้า ไปยังกลุ่มหุ้นที่ Laggard ยังดำเนินต่อไป โดยฝ่ายวิจัยยังมองกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ KBANK , วัสดุก่อสร้าง SCC–TPIPL, และกลุ่ม Defensive ที่มี Momentum ฟื้นตัวอย่าง DIF–BTSGIFจะแข็งแกร่งกว่าตลาด
สำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC และ INTUCH ที่ปรับลดลงแรง 11-12% ตั้งแต่ประมูล คลื่น 1800 MHz ถือว่าปรับลดลงสะท้อนราคาประมูลคลื่นที่แพงกว่าที่คาดการณ์ไว้แล้ว ขณะที่แม้คาดการณ์ผลการดำเนินงาน ADVANC, INTUCH ไม่มีการเติบโตในปี 2559-60 แต่มอง Downside Risk จำกัดแล้ว
เนื่องจาก 1) ระดับราคาปัจจุบันของ ADVANC, INTUCH ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.4-7.0% ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า แล้ว 2) ราคาประมูลคลื่นที่สูง แม้กระทบต่อผู้ประกอบการทุกราย แต่ ADVANC ที่มีฐานกำไรสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด 3) การประมูลคลื่นเป็นการปลดล็อกความกังวลต่อ Capacity ของคลื่นในมือที่จำกัดของ ADVANC หมดไปในระยะยาว และ 4) ค่า RSI กราฟระยะสัปดาห์ของ ADVANC อยู่ที่ 30% ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2551
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,371.89 ล้านบาท ปิดที่ 5.00 บาท ลดลง 0.10 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,308.24 ล้านบาท ปิดที่ 202.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 947.30 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 782.96 ล้านบาท ปิดที่ 8.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
MTLS มูลค่าการซื้อขาย 439.64 ล้านบาท ปิดที่ 20.50 บาท ลดลง 0.90 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์