5 หุ้นอนาคตวูบ! Q3 ขาดทุนเพิ่มเกิน 200%

เผยชื่อ 5 หุ้นยอดแย่ประจำไตรมาส 3 ปี 2558 ขาดทุนเพิ่มขึ้นเกิน 200%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) และ SET ในไตรมาส 3 ปี 2558 ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากหุ้นที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2558 ที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นเกิน 200% มีรายชื่อดังต่อไปนี้

 

เริ่มต้นที่อันดับ 1 บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 62.40 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.09601 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,992% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2.98 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.00459 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกขาดทุนสุทธิ 50.88 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.07829 บาทต่อหุ้น เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.79 ล้านบาท หรือมีกำไร 0.04429 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินในไตรมาส 3 ขาดทุนเพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลัก คือ ต้นทุนขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มรายการส่งเสริมการขายมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกาลังการซื้อของผู้บริโภคในตลาดลดลงมาก

รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 63.62 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้รวม เพิ่มขึ้น 1.9% โดยมีสาเหตุหลักจากการซื้อเวลารายการโทรทัศน์เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่ม Rating ผู้รับชม ทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ในช่องสถานีโทรทัศน์ ของบริษัทฯ ทั้ง 3 ช่อง

โดยราคาหุ้นบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ปิดวานนี้อยู่ที่ 1.20 บาท ลบ 0.04 บาท หรือ 3.23% สูงสุด 1.25 บาท ต่ำสุด 1.18 บาท มูลค่าการซื้อขาย 0.87 ล้านบาท

 

อันดับที่ 2 บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 127.35 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0251 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,768% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 6.82 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0018 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกขาดทุนสุทธิ 243.18 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0518 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 738% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 29.01 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0077 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินในไตรมาส 3 ขาดทุนเพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลักเกิดจากการปิดสาขากลุ่มธุรกิจ สื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ในปี 2558 ซึ่งประกอบด้วย กลุ่ม Shop จำนวน 126 สาขา,กลุ่ม Sale floor จำนวน 186 สาขา และในจุดจำหน่ายสินค้าสะดวกซื้อ (Convenience store) จำนวน 1,565 แห่ง

โดยราคาหุ้นบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ปิดวานนี้อยู่ที่ 2.02 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุด 2.04 บาท ต่ำสุด 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.38 ล้านบาท

 

อันดับที่ 3 บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CHUO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 50.07 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 1.11 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 402% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 9.98 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.44 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 112.30 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 3.42 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 225% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 34.57 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 1.75 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินในไตรมาส 3 ที่มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยสำคัญของผลขาดทุนในไตรมาสนี้มาจากการลดลงของรายได้ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าหลักของกลุ่มบริษัทในการยกเลิก หรือเลื่อนเวลาในการทำแผนงานออกไป สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ในทางกลับกันต้นทุนส่วนใหญ่ของกลุ่มบริษัทเป็นต้นทุนคงที่ โดยส่วนมากมาจากเงินเดือนพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับพนักงาน ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้า และค่าบริการในไตรมาสที่ 3 ลดลง ขณะเดียวกันต้นทุนบริการเพิ่มขึ้น

โดยราคาหุ้นบริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CHUO ปิดวานนี้อยู่ที่ 6.25 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.81% สูงสุด 6.30 บาท ต่ำสุด 6.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 0.43 ล้านบาท

 

อันดับที่ 4 บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 128.35 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0055 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 227% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 39.25 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0021 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกขาดทุนสุทธิ 345.92 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.016 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 478% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 59.87 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0041 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินการดังกล่าวที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายการบริหารงานธุรกิจพลังงานทดแทนพุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีโครงการไฟฟ้าขนาด 500MW ที่จะส่งมอบภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทพลิกโฉมใหม่กลับมามีกำไรแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน

โดยราคาหุ้นบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ปิดวานนี้อยู่ที่ 1.31 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 3.68% สูงสุด 1.38 บาท ต่ำสุด 1.31 บาท มูลค่าการซื้อขาย 194.69 ล้านบาท

 

อันดับสุดท้าย บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 47.85 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.05 บาท ต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 215% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 15.19 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.02 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2558 พลิกขาดทุนสุทธิ 44.26 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.05 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 158.13 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.20 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินการดังกล่าวที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายน้ำมันปาล์มดิบที่ลดลง ส่งผลให้รายได้จากการขายไตรมาส 3/58 ลดลงอยู่ที่ 287.40 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 543.82 ล้านบาท ตาม

โดยราคาหุ้นบริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO ปิดวานนี้อยู่ที่ 1.43 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 0.69% สูงสุด 1.44 บาท ต่ำสุด 1.41 บาท มูลค่าการซื้อขาย 0.17 ล้านบาท

 

อนึ่ง การที่ บจ. ดังกล่าวมีผลประกอบการที่แย่ลงในไตรมาส 3 ปี 2558 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวนอย่างหนัก รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศไม่สู้ดีนัก และยังมีการแข็งขันในธุรกิจสูงขึ้น ขณะที่บางบริษัทมีการลงทุนทางธุรกิจ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น บริษัทดังกล่าวจึงยังไม่พ้นวิกฤตขาดทุน และส่งผลให้แนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายยังมีความเสี่ยงต่อการฟื้นตัว

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button