SET ฟื้นตัวได้หลังผ่านช่วง MSCI ปรับพอร์ตเก็งกำไร 15 บจ.ร้อน มีประเด็นบวกเฉพาะตัว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นหลังท้ายตลาดวานนี้ปรับตัวลง ขณะที่หุ้นที่ปรับลดลงแรงจากการปรับพอร์ตของ MSCI อย่าง PTT, AOT และ ADVANC คาดว่าจะฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นเอเซียที่ปรับตัวขึ้นจากข่าวหยวนเข้าสู่ตระกร้าเงิน IMF การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จนกว่าจะมีสัญญาณกลับตัวทางเทคนิคหากผ่านระดับ 1,367 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.75 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย.โดยไฉซิน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นหลังท้ายตลาดวานนี้ปรับตัวลง ขณะที่หุ้นที่ปรับลดลงแรงจากการปรับพอร์ตของ MSCI อย่าง PTT, AOT และ ADVANC คาดว่าจะฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นเอเซียที่ปรับตัวขึ้นจากข่าวหยวนเข้าสู่ตระกร้าเงิน IMF การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จนกว่าจะมีสัญญาณกลับตัวทางเทคนิคหากผ่านระดับ 1,367 จุด

หุ้นเด่นเลือก ASEFA-BDMS-SYNTEC-CK-KBANK-SAWAD-MTSL-AOT-INTUCHTRC-THCOMRS-ADVANC-CPALL และ PTT

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดลบ 0.25% ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.48 หมื่นล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 2.5 พันล้านบาท และมีสถานะ Short ใน Index Futures เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีก 6 พันสัญญา โดยแรงขายยังอยู่ในกลุ่มสื่อสารและพลังงาน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการปรับน้ำหนักการลงทุนของดัชนี MSCI เช้านี้ติดตามรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน พ.ย. คาดทรงตัวที่ 49.80 ส่วนการประชุม ครม. วันนี้มีประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 และกระทรวงคมนาคมนำ 20 โครงการก่อสร้างมูลค่า 1.79 ล้านล้านบาทในปี 2559 เข้าขออนุมัติจาก ครม.

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้น ในกรอบแนวรับ 1,340-1,350 จุด แนวต้าน 1,370-1,380 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า หุ้นที่ปรับลดลงแรงในช่วงปลายตลาดวานนี้จากการปรับพอร์ตของ MSCI อย่าง PTT AOT ADVANC คาดว่าจะ “ฟื้นตัว” ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับสูงขึ้นจากคาดการณ์ ECB ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมวันที่ 3 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การปรับสูงขึ้นของ SET วันนี้ คาดว่าจะยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,367 จุดไปได้

แนะนำกลยุทธ์ “Selective” ต่อไป จนกว่า SET จะสามารถยืนได้เหนือระดับ 1,367 จุด ก่อนถึงจะเป็นสัญญาณ “กลับตัว” ทางเทคนิค โดยมีหุ้นนำ

1) กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ Valuation ถูก: KBANK

2) กลุ่มหุ้น Momentum กำไรดี: SAWAD (แนวรับ 45.5) MTSL AOT (กำไรไตรมาส 4 ปี 2558 3.1 พันล้านบาท +33% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน)

3) กลุ่มสื่อสาร ราคาปรับลดลงมากไป: INTUCH (การปรับพอร์ต MSCI กดดันราคา ADVANC วานนี้ ราคาปัจจุบันให้ปันผล 7% ต่อปี)

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า สภาพตลาดรวมๆ หลังจากนี้ แรงกดน่าจะเริ่มคลายตัวลง แล้วค่อยๆ ดีดตัวกลับด้วยแรงซื้อหุ้นจากสภาพคล่องในประเทศ ในหุ้นใหญ่กลุ่มหลักๆ อย่าง ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน ปิโตรเคมี และสื่อสาร โดยมองว่าราคาหุ้นสะท้อนการถูกปรับลดน้ำหนักไปแล้ว สำหรับทิศทางดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก ยังปรับตัวลงในแดนลบนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 27 พ.ย. โดยตลาดหุ้นไทยลงไปทั้งสิ้น 19.1% เทียบภูมิภาคที่ 13.6% ถือว่า Underperform แต่ดีกว่า มาเลเชียและอินโดนีเชีย

แรงซื้อคืนของหุ้นใหญ่ เมื่อวานนี้เป็นของนักลงทุนในประเทศ ในกลุ่ม ธนาคารและสื่อสารใหญ่ ส่วนพลังงาน ยังจะมีก็คือ PTTGC ทิศทางดัชนี SET น่าจะยืนได้ หลัง ธปท. ออกมารายงานภาวะเศรษฐกิจในเดือน ต.ค. ที่บอกว่ายังขยายตัวต่อเนื่องจากเดือน ก,.ย.ขณะที่วันนี้จะมีการประชุม ครม. ที่คาดกันว่าทางรัฐบาลจะออกมาตรการระดมเงินเพื่อนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และการเปิดทางให้ SME เข้าร่วมประมูลโครงการของรัฐในปีหน้า ถือเป็นปัจจัยบวกกับตลาดในปีหน้า

ทิศทางดัชนี SET วันนี้มองจะดีดตัวกลับ หลังแรงกดดันจากการปรับน้ำหนักของ MSCI ผ่านพ้นไป โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1,368-1,372 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,354-1,350 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TRC THCOM และ RS

Themes play: แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ADVANC CPALL และ PTT

 

ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้จะซึมลงในกรอบแคบอีกวัน หลังตัวเลข PMI ของจีนรายงานออกมาต่ำสุดในรอบ 3 ปีแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้กลุ่มใหญ่ๆในตลาดไทย อย่างเช่น แบงก์ สื่อสาร พลังงาน ยังคงขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน แต่ขณะเดียวกัน downside risk ก็เริ่มจำกัด เนื่องจากตลาดปรับลงมามากแล้ว บวกกับราคาน้ำมันเริ่มทรงตัวได้ดีและนักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB อาจจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์นี้ กลยุทธ์เหมาะสมช่วงนี้คือ การเล่นสั้น รอซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อดัชนีเข้าใกล้ 1,350 จุดและขายทำกำไรเมื่อดัชนีเด้งขึ้นเป็นรอบๆ

กลยุทธ์ : เน้นเล่นสั้น เล็งหุ้นเป็นรายตัว ลงแรงซื้อ เด้งขึ้นขาย เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

แนวรับ/แนวต้าน: 1350/1380 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

นักลงทุนระยะสั้น: ASEFA (6.5), BDMS (25.50)

นักลงทุนระยะยาว: SYNTEC (3.80), CK (32)

 

บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ธ.ค.) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นในเอเซียที่ปรับตัวขึ้นจากข่าวหยวนเข้าสู่ตระกร้าเงิน IMF

กลยุทธ์การลงทุน Trading: ไม่ต่ำกว่าแนวรับแถวๆ 1,350 จุด แนะนำ ซื้อบางส่วนเพื่อหวังผลดีดกลับ

Back to top button