วิกฤต! กลุ่มสายการบิน โดน FAA ห้ามบินเข้าสหรัฐ

สายการบินสัญชาติไทยส่อแววถูกสั่งระงับ หลัง FAA ดาวน์เกรดอันดับไทยจาก CAT1 เป็น CAT2 เหตุมาตรฐานปัจจุบันของไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ICAO ขณะที่ยังต้องรอลุ้นผลการตรวจสอบของสำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal AviationAdministration : FAA) แจ้งผลการตรวจสอบการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา จาก Category 1 (CAT1) เป็น Category 2 (CAT 2) ซึ่งมีผลถึงขั้นถูกห้ามบินเข้าสหรัฐอเมริกา รวมทั้งทำให้สายการบินที่จดทะเบียนโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินหรือเพิ่มจุดบินใหม่ในสหรัฐอเมริกาได้

ขณะที่ยังต้องรอลุ้นผลการตรวจสอบของสำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA)  ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ โดยโฆษกรัฐบาล ชี้ว่านายกรัฐมนตรีมองเป็นโอกาสที่จะยกเครื่องการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนทั้งระบบ เพื่อสร้างมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ     

ด้าน นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) และรักษาการผู้อำนวยการ กพท. เปิดเผยว่า วานนี้ (1 ธ.ค.) FAA ได้แจ้งผลการตรวจสอบการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของประเทศไทย โดยลดอันดับไทยจาก CAT1 เป็น CAT2 โดย FAA ระบุเหตุผลว่า มาตรฐานปัจจุบันของไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

“FAA ประกาศอย่างนี้ เราเพิ่มเที่ยวบินไม่ได้ แต่ของเราไม่มีอยู่แล้วก็เลยไม่มีผลกระทบโดยตรง แต่เป็นเรื่องภาพลักษณ์”นายจุฬากล่าวกับ”อินโฟเควสท์”

ทั้งนี้ FAA ได้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทย เมื่อวันที่ 26-28 ต.ค.58 หลังจากที่ ICAO ได้ตรวจพบปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concerns :SSC)

โดย FAA ให้เหตุผลปัญหามาตรฐานการบินของไทยยังไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานหลังจากที่ ICAO ได้ขึ้นธงแดง และยอมรับว่าการแก้ไข SSC ทางกรมท่าอากาศยานและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกำลังแก้ไขซึ่งต้องใช้เวลา คาดว่าจะสามารถปลดธงแดงได้ประมาณปลายปี 59

ส่วนผลการตรวจสอบของ EASA จะประกาศในวันที่ 10  ธ.ค. 58 หลังจากที่ได้เข้ามาตรวจทั้งหน่วยงานรัฐและสายการบินไทย (THAI) เมื่อวันที่  9-10 พ.ย.นี้  ทั้งนี้ EASA ไม่ได้ตรวจเหมือนกับ FAA เพราะมีการตรวจสายการบินไทยซึ่งมีเที่ยวบินไปยุโรปในหลายประเทศ และผลตรวจต้องมีการสอบถามไปยังสมาชิกในสหภาพยุโรป (EU) เป็นคะแนนเสียงในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ ไม่ได้เหมือนสหรัฐฯที่มีอำนาจออกผลตรวจสอบเพียงลำพัง

วันที่ 10 ธ.ค.นี้ EASA ประกาศผล เราทำทุกอย่างที่ทำได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับทางเขา …เราเชื่ออย่างนั้น ว่า EASA จะไม่ downgrade ไทยเหมือน FAA แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเท่ากับหม้อข้าวใหญ่หายไปเพราะการบินไทยมีเที่ยวบินไปยุโรปเยอะ การลุ้นครั้งนี้มีเดิมพัน” อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าว

ทั้งนี้ EASA ระบุว่าเร็วเกินไปที่ไทยจะแก้ไขปัญหา SSC  ซึ่งต้องใช้ความพยายามอีกมาก ซึ่งทาง EASA เน้นดูแผนการแก้ไขปัญหา SSC

ด้านพลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่ FAA ลดระดับมาตรฐานการบินพลเรือนไทย เป็นเรื่องที่รัฐบาลเข้าใจและยอมรับผลการพิจารณา แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะพยายามปรับปรุงในหลายเรื่องเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทั้งของ ICAO และของ FAA แต่ต้องยอมรับความจริงว่า บางประเด็นไม่สามารถดำเนินการได้ทัน อาทิ การจัดหาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ให้ตรงตามแบบของเครื่องบิน  ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา

“เชื่อว่า การประกาศของ FAA ครั้งนี้จะยังไม่ส่งผลกระทบใด ต่ออุตสาหกรรมการบินพลเรือนของไทย  เพราะปัจจุบัน สายการบินของไทยไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐอเมริกาแล้ว  หลังจากที่การบินไทยได้ยกเลิกเที่ยวบินตรงไปยัง LA เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตามการประกาศของ FAA  อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการบินพลเรือนไทยและอาจทำให้บางประเทศออกมาตรการหรือกำหนดเงื่อนไขต่อการบินพลเรือนของไทยในอนาคต”พลตรีสรรเสริญ กล่าว

ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่าสถานการณ์นี้ถือเป็นจังหวะและโอกาสอันสำคัญ ที่จะยกเครื่องการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนทั้งระบบ เพื่อสร้างมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ  สร้างความเชื่อมั่นให้กับการบินของประเทศไทย  และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสารทุกคน

“ท่านนายกรัฐมนตรี รับทราบแนวโน้มของผลการประเมินมาระยะหนึ่งแล้ว และได้สั่งการให้รวบรวมข้อสังเกตและพิจารณาของทั้ง ICAO และ FAA เข้าไว้ด้วยกันและให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขไปพร้อมกันทุกประเด็น รวมทั้งให้หน่วยงานทุกภาคส่วนทำงานอย่างจริงจัง ให้ถือเป็นภารกิจสำคัญของชาติที่จะต้องตั้งใจแก้ไขให้ลุล่วง  ท่านนายกฯต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อยโดยเร็ว แต่ก็จะไม่ตั้งเงื่อนไขเวลามาเป็นตัวกดดันคนทำงาน เพราะการตั้งเงื่อนเวลาที่ไม่อาจเป็นไปได้จริงก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกตัวเอง  สู้เอาพลังนั้นมาทำงานอย่างจริงจังตรงไปตรงมาจะดีกว่า”

โดยที่ผ่านมาปัญหามาตรฐานการบินพลเรือนของไทยถูกปล่อยปละละเลยมานาน ผลัดวันประกันพรุ่งในการแก้ไขมาโดยตลอด  จนอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่งทางอากาศลำดับต้นๆของภูมิภาคเอเชียในอนาคต  แต่รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้ประเทศไทยรักษาความสามารถในการแข่งขันนี้เอาไว้ต่อไป

 

ขณะที่ล่าสุด พล.อ.อ.ปรีชา ประดับมุข เลขานุการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) คาดว่าจะใช้เวลา 4-5 เดือนในการแก้ไขปัญหาที่ สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration : FAA)  ปรับลดมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทย ลงสู่ระดับ Category 2 (CAT 2) จากระดับ Category 1 (CAT1) ขณะที่ยังมองสัญญาณบวกกรณีที่สำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) จะประกาศผลการตรวจสอบในวันที่ 10 ธ.ค.นี้

โดยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว FAA เคยจัดอันดับให้ไทยอยู่ระดับ Category 2  ก่อนที่จะใช้เวลาปรับปรุงและแก้ไขปัญหาในระยะเวลา 4-5 เดือนก่อนจะกลับเข้ามาสู่ระดับ Category 1 อย่างไรก็ตามการถูก  FAA ปรับลดมาตรฐานดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการบินของไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากไทยจะไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินไปยังสหรัฐได้ แต่ในประเด็นนี้อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก  แต่อาจจะได้รับผลกระทบมากในส่วนของสายการบินที่จดทะเบียนในไทยจะไม่สามารถทำ Codeshare กับสายการบินสหรัฐได้

สำหรับกรณีของ EASA ที่จะสรุปผลการตรวจสอบในวันที่ 10 ธ.ค.นี้นั้น มองเป็นสัญญาณบวก หลังจากที่ทางการไทยได้เดินทางไปชี้แจงกับทาง EASA พร้อมกับประเทศอื่นหลายประเทศ และทาง EASA ไม่มีปัญหาเพิ่มเติมใดๆ กับการชี้แจงของไทย ทำให้เชื่อว่า EASA ไม่ได้เอามาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และ FAA มาเป็นหลักในการพิจารณา เพราะ EASA มีมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว

โดยเชื่อว่า EASA จะพิจารณาความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของไทยหลังเกิดกรณีของ ICAO ว่าไทยมีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งจากช่วงเวลาดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ไทยมีความคืบหน้าที่สำคัญ คือการจัดตั้งสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งแยกออกจากกรมการบินพลเรือน โดยโครงสร้างใหม่มีการแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรในการตรวจสอบมาตรฐานการบินได้ดีขึ้น เพราะมีโครงสร้างเงินเดือนที่เป็นรูปแบบแตกต่างจากระบบราชการทั่วไป

 

อย่างไรก็ดีการที่ FAA ตรวจสอบพบข้อบกพร่องดังกล่าวอาจส่งผลให้ประเทศไทยถูกปรับลดมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน อีกทั้งยังอาจส่งผลไปถึงการตรวจสอบของ ICAO และ EASA ในอนาคต ซึ่งผลกระทบในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ สายการบินสัญชาติไทยอาจถูกสั่งระงับการบินเข้าสู่หลายประเทศ หรือหลายพื้นที่

Back to top button