โบรกแนะสะสม 7 หุ้นขวัญใจ! สตอรี่หนุนSET บ่ายแกว่งแคบ ลุ้นเหนือ 1,360 จุด
SET เช้านี้เป็นลักษณะ Wait & See ภาพใหญ่ของตลาดยังจับตาเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย-การประชุม ECB-การประชุมโอเปก อีกทั้งมีปัจจัยลบหลัง FAA ลดระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทย ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวกลบ บ่ายนี้ดัชนีฯแกว่งแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,350 แนวต้าน 1,370 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (2 ธ.ค.) วอลุ่มเทรดเบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังจับตาเรื่องเฟดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย, การประชุม ECB ใน 3 ธ.ค.นี้ และการประชุมโอเปก ส่งผลให้นักลงทุนยังไม่กล้าลงทุนมากนัก
ส่วนในประเทศเจอปัจจัยลบหลัง FAA ลดระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยทำให้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเข้ามา ส่วนเม็ดเงินจาก LTF, RMF ไม่มีมากเท่าที่ควร และอีกไม่กี่วันต่างชาติจะเริ่มหยุดเทรด ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้มองเห็นการเติบโตในปีหน้า ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวกลบในกรอบแคบ
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยคงแกว่งแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,350 แนวต้าน 1,370 จุด ขณะที่ “Selective” ต่อไป จนกว่า SET จะสามารถยืนได้เหนือระดับ 1,367 จุด ได้แก่ KBANK-SAWAD-MTSL–AOT-INTUCH และ CPF
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทยยังต้องจับตาดู การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่คาดว่าจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย, การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งตรงนี้มองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในยุโรปเองมากกว่า และการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนมากนัก
อีกทั้งไทยเจอผลกระทบทางจิตวิทยาจากสำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) ปรับลดระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยจาก CAT1 เป็น CAT 2
ดังนั้นเวลานี้ ตลาดหุ้นไทยมีเพียงการลงทุนของภาครัฐฯเท่านั้นที่จะช่วยหนุนได้ แต่เห็นผลในระยะยาว ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลงทุนหุ้นรายตัว สำหรับความหวังเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีแรงซื้อน้อย ดังนั้นตลาดจึงเป็นลักษณะ Wait & See ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในกรอบแคบ
แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยคงจะแกว่งตัวในกรอบแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 2 ธ.ค.) SET รีบาวด์ไม่ผ่านแนวต้าน 1,367 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบาง คาดว่าจะพักฐานต่อไปในกรอบ 1,350-1,367 จุด โดย SET จะเกิดสัญญาณ “กลับตัว” หากยืนเหนือ 1,367 จุดได้ ยังรอความชัดเจนจากทั้งถ้อยแถลง FED และคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจาก ECB ในการประชุมวันที่ 3 ธ.ค. รวมไปถึงคาดหวังเม็ดเงินจาก LTF เข้ามาหนุนตลาด
แนะนำกลยุทธ์ “Selective” ต่อไปจนกว่า SET จะสามารถยืนได้เหนือระดับ 1,367 จุด โดยชอบ:
1.ธนาคารขนาดใหญ่ Valuation ถูก: KBANK
2.กลุ่มหุ้น Momentum กำไรดี: SAWAD-MTSL และ AOT
3.กลุ่มสื่อสาร ราคาปรับลดลงมากไป: INTUCH
4.หุ้น Turnaround: CPF (ผลกระทบ รัสเซีย-ตุรกี จำกัด)
ขณะที่ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” CPF เป้าหมายพื้นฐาน 29 บาท (ทางเทคนิคระยะสั้นที่ 21.00 บาท ขณะที่ระยะกลางที่ 22.70 บาท) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งจากอัตรากำไรที่ดีขึ้น มีโอกาส Turnaround โดยมองผลกระทบจากกรณี รัสเซีย-ตุรกี จำกัด
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ ( 2 ธ.ค.) SET ช่วงเช้าปิดบวกตลาดภูมิภาคกรอบแคบจากการชะลอการซื้อขาย ติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ คืนนี้และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) โดยมีกระแสคาดการณ์ว่า ECB จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร หรืออาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกในการประชุมครั้งนี้ จากการส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB
สำหรับปัจจัยในประเทศ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงกรณีที่องค์กรบริหารการบินแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา(Federal Aviation Admintstration หรือ เอฟเอเอ FAA) ได้ประกาศลดระดับประเทศไทยจาก category 1 เป็น category 2 ว่า ไม่น่าจะเกิดผลกระทบมากนัก และเป็นผลทางด้านจิตวิทยาเป็นหลัก แต่สำหรับการประกาศผลตรวจสอบของ EASA (สนง.บริหารการบินแห่งชาติสหภาพยุโรป) ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้จะมีความสำคัญมากกว่า ซึ่งทางบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ควรมีแผนสำรองไว้รับมือกับกรณีดังกล่าว
แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค ระดับค่าสัญญาณ Indicator อยู่ในระดับต่ำและมีโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นเป็นสัญญาณชี้นำดัชนี แนวต้าน SMA5 วัน 1,366-1,365 จุด ผ่านขึ้นมาจะเป็นการเปลี่ยนแนวโน้ม