SET พักฐานต่อ รอสัญญาณกลับตัวเก็บ 11 หุ้น แนวโน้มแกร่งกว่าตลาด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยพักฐานต่อเพื่อรอสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่วานนี้หลุดแนวรับ 1,350 จุด ลงมาแรง อย่างไรก็ตาม หากดัชนีสามารถยืนเหนือ 1,340 จุดได้แนะเก็งกำไรเพื่อลุ่นรีบาวด์กลับไปทดสอบ 1,350 จุด การลงทุนแนะนำหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.17 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.86 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดพร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยพักฐานต่อเพื่อรอสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่วานนี้หลุดแนวรับ 1,350 จุด ลงมาแรง อย่างไรก็ตาม หากดัชนีสามารถยืนเหนือ 1,340 จุดได้แนะเก็งกำไรเพื่อลุ่นรีบาวด์กลับไปทดสอบ 1,350 จุด การลงทุนแนะนำหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเลือก KBANK-SAWAD-MTLS-AOT-INTUCH-AMATA-KKC-BJCHI-ITD-STEC และ UNIQ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (2 ธ.ค.) คาดว่าจะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 40 เหรียญฯ/บาร์เรล ทำให้อาจไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน อีกทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ประธานเฟดออกมาว่า เป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางเดือนนี้ (ธ.ค.) ทำให้ไปกดดันราคาทองคำด้วย และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ปรับตัวลงกัน
ส่วนตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่า เมื่อวานนี้ดัชนี SET ปิดต่ำกว่าระดับ 1,340 จุด ทำให้สัญญาณทางเทคนิคเป็นลบ พร้อมมองกรอบสำหรับวันนี้ ให้แนวรับ 1,320 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350-1,355 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ธ.ค.) ว่า่ SET หลุดแนวรับ 1,350 จุด ลงมาแรง และยังคง “พักฐาน” รอสัญญาณฟื้นตัวอยู่ แนะนำ “เก็งกำไร” ในหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด อย่างไรก็ตาม จากการที่ SET ปรับตัวลงแรงกว่าเพื่อนบ้าน และเป็นแรงขายจาก Prop Trade รวมถึงคืนนี้ ECB อาจมีความชัดเจนต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดังนั้นหาก SET ยืนเหนือ 1,340 จุดได้ แนะ “เก็งกำไรเพิ่ม” ลุ้นรีบาวด์ กลับไปทดสอบ 1,350 จุด
แนะนำกลยุทธ์ “Selective” ต่อไป
1) ธนาคารขนาดใหญ่ Valuation ถูก: KBANK
2) กลุ่มหุ้น Momentum กำไรดี: SAWAD, MTLS, AOT
3) กลุ่มสื่อสาร ราคาปรับลดลงมากไป: INTUCH (ราคาปัจจุบันให้ปันผล 7% ต่อปี)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ธ.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ที่ประชุม ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการลงทุนเอกชน, ลดขั้นตอนโครงการ PPP, อนุมัติต่อสิทธิประโยชน์ภาษี LTF อีก 3 ปี ส่วนการประมูล 4G นายกฯ มีความเห็นให้เปิดประมูลตามกำหนดการเดิม
วันนี้ติดตามการประชุม กนง. คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% กลยุทธ์การลงทุน วันนี้ตลาดน่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยยังประเมินดัชนีปรับตัวในกรอบ 1,400-1,430 จุด แนะนำลงซื้อ ขึ้นขาย แนะนำซื้อ ITD, STEC, UNIQ (+ เริ่มประมูลรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอยในสัปดาห์หน้า และการลดขั้นตอนโครง PPP ช่วยหนุนให้โครงสร้างพื้นฐานเกิดเร็วขึ้น)
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ธ.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทย จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ หลังการกล่าวของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯในคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์และผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งจะเป็นลบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องของไทยในวันนี้…. นอกจากนี้ ด้วยการที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูผลการประชุม ECB คืนนี้ (3 ธ.ค.) และการประชุม OPEC (4 ธ.ค.) จะทำให้การซื้อขายยังคงเงียบเหงา ดัชนีฯจะผันผวนในกรอบแคบๆ แต่มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นหลังถูกขายหนักวานนี้ โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนนัก
กลยุทธ์การลงทุน เช่นเดียวกับวันก่อน ที่ตลาดเป็นขาลงและนักลงทุนกำลังรอคอยข้อมูลสำคัญหลายๆตัว (น้ำมัน , ดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ยุโรป) เราแนะให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์และทิศทางตลาดก่อนที่จะตัดสินใจ สำหรับการเข้าลงทุน คงต้องเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในลักษณะของการลงซื้อ-ขึ้นขาย เป็นหลัก
หุ้นที่คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจ ในวันนี้ อาทิ INTUCH, AMATA, KKC, BJCHI
Stock in Focus: AP (ราคาเหมาะสม โดย KTBST 7.50 บาท)