ตลาดกังวลเฟดขึ้นดบ.-ราคาน้ำมันดิ่งSET บ่ายผันผวน แนวรับ 1,250 จุด

SET เช้านี้ปรับลงแรงกว่าภูมิภาค ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ตัวเลขศก.ออกมาดี ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นร่วงแรงจากความกังวลเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่ร่วงต่อเนื่อง ทำให้ Flow ยังไหลออก ช่วงบ่ายคาดดัชนี้ยังติดลบ แม้มีความพยายามที่จะรีบาวด์ พร้อมให้แนวรับ 1,260-1,250 แนวต้าน 1,270-1,280 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (14 ธ.ค.) ร่วงแรงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ยกเว้นตลาดหุ้นจีน เนื่องจากตลาดกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันดิบยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงนี้ ส่งผลให้ช่วงนี้ Flow ไหลออกต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยซบเซาต่อ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะรีบาวด์อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงจะอยู่ในแดนบวกได้ยาก โดยอาจมีความผันผวนบ้างในระหว่างเทรด พร้อมให้แนวรับ 1,260-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270-1,280 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึง ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะติดลบ ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่มีการดีดกลับขึ้นไปได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดีกว่าคาด และมีข่าวออกมาว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีความจำเป็นต้องใช้

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ตลาดฯต่างปรับตัวลงมาจากเรื่องความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ(FED)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงด้วย ทำให้ Flow ยังไหลออก

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดฯคงซบเซาต่อ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะรีบาวด์อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงจะอยู่ในแดนบวกได้ยาก และดัชนีฯคงจะยังติดลบต่อ โดยอาจมีความผันผวนบ้างในระหว่างเทรด พร้อมให้แนวรับ 1,260-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270-1,280 จุด

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ ( 14 ธ.ค.) SET ช่วงเช้าปิดลบตามตลาดภูมิภาคที่ปรับลง เนื่องจากรับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ และสกุลเงินที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 4 ปี หลังจากธนาคารกลางจีนได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงมาตรการบริหารจัดการค่าเงินหยวน

สำหรับปัจจัยในประเทศ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% หลังความเชื่อมั่นทั้งในส่วนของผู้บริโภคและภาคธุรกิจส่งสัญญาณดีขึ้น ช่วยเกื้อหนุนการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุน

ด้านรมว.พาณิชย์ คาดการณ์ส่งออกข้าวจริงปี 2558 มีปริมาณเป็นไปตามเป้า 10 ล้านตัน มูลค่า 4,855 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 4.8 จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 5,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ส่วนในปี 2559 ตั้งเป้าส่งออกข้าวปริมาณ 9 ล้านตัน มูลค่า 4,787 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากคาดว่าผลผลิตจะลดลงจากภัยแล้ง 

แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,265 จุด มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงต่อ ทดสอบ 1,255/1,250 จุด หรือ หากดัชนีกลับไปยืนเหนือ 1,265 จุดได้ จะเป็นสัญญาณดีที่มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านหลักที่ 1,292 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,925.81 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.75 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,653.82 ล้านบาท ปิดที่ 207.00 บาท ลดลง 13.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,172.72 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 3.50 บาท

TKN มูลค่าการซื้อขาย 1,056.47 ล้านบาท ปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 0.25 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 878.61 ล้านบาท ปิดที่ 188.50 บาท ลดลง 4.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button