SET ยังอ่อนแอ-แนวรับ 1,258/1,230 จุดเคาะ 7 หุ้นมี Momentum กำไรเติบโตแกร่ง
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังปรับตัวลงต่อ เนื่องจากยังมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลงต่อเนื่อง รวมถึงแรงขายหุ้น BBL ที่คาดว่ายังเป็นตัวกดดันดัชนีต่อ ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed ที่ต้องจับตากลางสัปดาห์นี้ โดยให้แนวรับที่ 1,230 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.19 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.10 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังปรับตัวลงต่อ เนื่องจากยังมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลงต่อเนื่อง รวมถึงแรงขายหุ้น BBL ที่คาดว่ายังเป็นตัวกดดันดัชนีต่อ ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed ที่ต้องจับตากลางสัปดาห์นี้
หุ้นเด่นเลือก KCE, DELTA, TTCL, TSE, BDMS, INTUCH, ADVANC
บล.ฟินันเซีย ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) ว่าแนวโน้ม : SET ยังไหลลงแรงและอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังกดดันตลาด ทั้งหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มีข่าวเชิงลบ หุ้นกลุ่ม ICT ที่ยังต้องรอลุ้นผลประมูลคลื่น 900MHz วันที่ 15 ธ.ค.นี้ และหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ยังแกว่งตัวด้านลบ จากความกังวลเกี่ยวกับการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์นี้ (15-16 ธ.ค.) ว่าผลกระทบจากการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีจะมีมากน้อยเพียงใด ก่อนที่ในช่วงค่ำของวันศุกร์ประเด็นต่างๆ ดังกล่าวก็กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเป็นลบเกือบ 2% พร้อมทั้งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นยุโรปโดยเฉลี่ยถึง 2% กว่า และยังส่งผลต่อเนื่องให้กับตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ต่อด้วย
ทำให้คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ได้อีก อย่างไรก็ตามการไหลลงต่ำอย่างรวดเร็วและค่อนข้างลึกมากแล้วของ SET ในช่วงที่ผ่านมามีสิทธิที่จะกระตุ้นแรงซื้อกลับ ให้เข้ามาช่วยหนุนตลาดให้พลิกฟื้นได้บ้างในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้ถือเพื่อรอขายช่วงบวกต่อไปก่อนดีกว่า
แนวรับ 1277-1272 , 1268-1258 จุด แนวต้าน 1285-1290 , 1294-1298 จุด
กลยุทธ์ : เนื่องจาก SET ยังอยู่ในช่วงปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่คาดว่าใกล้ที่จะมีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นแรงๆ ได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นจึงแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อน เพื่อรอขายช่วงบวกดีกว่า ส่วนถ้าจะเข้าซื้อช่วงนี้ ก็ยังต้องเน้นที่การเลือกหุ้น และถือลงทุนได้ แต่ถ้าจะเทรดดิ้งสั้นต้องรอติดตามแรงซื้อ-แรงขายก่อน
หุ้นเด่นมีประเด็น BDMS แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี upside เพียง 6% จากราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 22.50 บาท
จับตาการประมูลคลื่น 900MHz พรุ่งนี้ โดยจะมีการประมูล 2 ใบอนุญาตๆละ 10MHz อายุใบละ 15 ปี ราคาตั้งต้น 12,864 ล้านบาท คาดว่า ADVANC และ DTAC จะชนะการประมูลในราคาใบละ 3-3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตลาดรับรู้แล้ว การปรับลงของ ADVANC (ราคาเป้าหมายปีหน้า 270 บาท) จึงเป็นโอกาสซื้อสะสม เพราะด้วยราคาประมูลดังกล่าวเชื่อว่ากำไรของ ADVANC ในปีหน้าจะยังเติบโต 9.7% Y-Y และให้ Dividend yield 7.5% สูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ PE ปีหน้าอยู่ที่ 13.3 เท่า ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่วน INTUCH (เป้าหมายปีหน้า 97 บาท)
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) ว่า การปรับลดลงแรงของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานทั่วโลกและ Dow Jones ปรับลดลง 1.7% เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ประกอบกับ 1) แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed กลางสัปดาห์นี้ 2) ความกังวลต่อการประมูลคลื่น 900MHz 3) การอ่อนค่าของค่าเงินหยวนอย่างรวดเร็ว หลัง PBoC อิงค่าเงินหยวนกับตระกล้าเงินแทน US$ มากขึ้น และ 4) แรงขายหุ้น BBL จากการถูกถอดออกจากดัชนี MSCI วันนี้ จะเป็นปัจจัยกดดัน SET ต่อวันนี้ ด้วยแนวรับ 1,258/1,230 จุด
นักลงทุนระยะสั้น แนะนำ “เก็งกำไร” จำกัดพอร์ต ในกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท และมี Momentum กำไรเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้ KCE และ DELTA เป็น Top Picks…ขณะที่นักลงทุนระยะกลางแนะนำ “Wait & See” ไปก่อน โดยมองว่า แม้ SET จะ “ผันผวน” ระยะสั้น แต่ที่ PE 14x มี Downside Risk จำกัดแล้ว และคาดว่าจะเห็นการ Rebound ตามมา
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) ว่า ปัจจัยภายในยังไม่มีอะไรที่โดดเด่น ประเด็นกดดันตลาดยังคงใช้ปัจจัยเดิมๆในการเล่น โดยแรงขายยังคงกระจุกในหุ้นใหญ่ในกลุ่ม พลังงานและธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก ส่วนประเด็นภายนอกเรื่องราคาน้ำมัน คงต้องรอลุ้นว่าราคาน้ำมันลงมาในระดับ 35+/- ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้วดีดกลับหรือไม่หรือลงต่อก็คงไปรอที่ 30+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ดัชนี SET ที่ลงไปต่ำกว่า 1300 จุด ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีกับตลาด แต่หากสามารถขึ้นมาปิดเหนือ 1300 จุดได้อย่างรวดเร็วถือว่าไม่มีปัญหา
สัญญาณที่มองว่าดัชนีน่าจะเริ่มทรงๆ ตัว คือ สัดส่วนของ MSCI Thailand เทียบกับ MSCI Asia ExJapan ในปัจจุบันเริ่มลงมาใกล้ระดับในเดือน ธ.ค. 2013 ซึ่งมองว่าน่าจะเพียงพอในการลงของรอบนี้
ส่วนปัจจัยบวกภายนอก คือ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน พ.ย. ที่ประกาศในวันเสาร์ที่ผ่านมา ออกมาดีกว่าคาด สำหรับผลของแรงกดดันจากปัจจัยภายในที่ดัชนีSET ลงไปลึกสุด นับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ถึงปัจจุบันหรือหลัง MSCI Rebalancing คือลงไปแล้ว -5.6% เทียบ ธ.ค. 2013 ที่ -6.2% วันนี้มองดัชนี SET ยังคงต้องเผชิญแรงขายจากความผันผวนของดัชนีในภูมิภาครวมทั้งราคาน้ำมัน โดยน่าจะกลับลงไปเล่นในแดนลบต่อเนื่อง โดยวันนี้แนวรับอยู่ที่ 1270-1265 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1286-1290 จุด
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวโน้มแกว่งลง มองแนวรับ 1270-1260 จุด แนวต้าน 1280 จุด
-TTCL (TTCL TB; THB 15.90) – ซื้อ
-Thai Solar Energy (TSE TB; THB 4.04) – ซื้อ
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ธ.ค.) ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายหลักยังอยู่ในกลุ่มพลังงาน , สื่อสาร และธนาคาร โดยมีประเด็นข่าว MSCI Global Standard อาจจะปรับน้ำหนักหุ้น BBL จากปัญหารูมการลงทุนเต็ม ดัชนี SET วันนี้คาดจะยังถูกกดดันจากราคาหุ้นน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันดัชนี SET เทรดที่ Forward PE 14.4 เท่า ต่ำสุดในตลาดกลุ่ม TIP เพียงแต่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังหาจุดเปลี่ยน Trend ขาลง ในระยะสั้นหากจะมีประเด็นที่อาจเป็นมุมบวกบ้าง คงต้องรอการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้ หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าคาดกาณณ์ที่ระดับ 0.25 % น่าจะเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวในระยะสั้นได้
กลยุทธ์การลงทุน เมื่อพิจารณาจาก Risk & Return ฝ่ายวิจัยแนะนำพอร์ตลงทุนระยะกลาง เริ่มทยอยซื้อหุ้น Market Cap.ใหญ่ ในกรณีดัชนีปรับฐานลงมาที่ระดับ 1,240 – 1,260 จุด