โบรกแนะสะสม 2 หุ้นสื่อสารSET บ่ายยืนแดนบวกได้ต่อ

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (23 ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มสื่อสารเริ่มฟื้นตัวหลังร่วงแรงช่วงประมูลคลื่น 900 MHz อีกทั้งราคาน้ำตลาดโลกเริ่มทรงตัวส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ร่วมถึงความคาดหวังมาตรการภาษีกระตุ้นใช้จ่ายปลายปีส่งผลบวกระยะสั้น ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยยังสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 1,284 จุด แนวรับ 1,270 จุด ขณะที่ แนะนำเริ่มสะสมหุ้น ADVANC, INTUCH เพิ่ม หลังแรงขายเริ่มแผ่วลง 

 

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค เนื่องจากมีปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสื่อสารหลังจากร่วงแรงตอบรับข่าวเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ไปมากแล้ว หลังจาก 2 วันที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มทรงตัวทำให้แรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง

ขณะที่ มีปัจจัยเกี่ยวกับมาตรการภาษีของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงที่เหลือของปีเป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศที่ส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คือ ความคาดหวังรัฐบาลจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีนเพิ่มมากขึ้น

ส่วนตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย คาดว่าจะยังสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกได้เช่นเดียวกับช่วงเช้า โดยปัจจัยที่ส่งผลบวกยังคงเป็นปัจจัยเดียวกับช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมให้แนวต้าน 1,284 จุด แนวรับ 1,270 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 23 ธ.ค.) SET เริ่มรีบาวด์จากจุดต่ำสุด หลังจากแรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสารเริ่มแผ่วลง (ปริมาณซื้อขาย ADVANC เหลือประมาณ 60-70% ของเมื่อวาน) ลุ้นทำรูปแบบ Double Bottom เพื่อรีบาวด์กลับไปทดสอบ 1,310 จุด อีกครั้ง

ขณะที่ แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่าน ครม. และแนะนำเริ่มสะสมหุ้น ADVANC, INTUCH เพิ่ม หลังแรงขายเริ่มแผ่วลง 

โดยแนะนำซื้อ QH จากการที่หุ้น HMPRO ปรับตัวขึ้นแรง นอกจากนี้ QH ยังราคาต่ำกว่า NAV อยู่ 12% (ได้ธุรกิจบ้านฟรี แถมส่วนลดจาก holding 12%) ขณะที่กำไรจากธุรกิจบ้านคิดเป็นสัดส่วน 60% เราคาดกำไรไตรมาส 4 ปี 2558 ของ QH จะทำจุดสูงสุดใหม่ ที่ 7.6 พันล้านบาท ทั้งยังมียอด presales ล่าสุดเดือน พ.ย. ที่แข็งแกร่งมาก หุ้น  ซึ่ง QH และ HMPRO มักจะปรับตัวขึ้นลงตามกัน

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ ( 23 ธ.ค.) ว่า ดัชนี SET ช่วงเช้าปิดบวกในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ร่วงหนัก

โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพี ขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก และยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น 

สำหรับปัจจัยในประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะแถลงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปีในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ของขวัญปีใหม่กับประชาชน

โดยที่ประชุมครม.วานนี้มีมติเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค.58 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

ขณะที่ ต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบตาม ม.86/4 แห่งประมวลภาษีรัษฎากร แต่ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ

แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย หากดัชนีสร้างจุดต่ำใหม่กว่าและปิดด้วยแท่งเทียนสีดำยาวแสดงถึงแรงขายหลังทดสอบไม่ผานแนวต้าน 1,280 จถด ซึ่งคงแนวโน้มแกว่งตัวตาม SMA5 วันที่ทำหน้าที่เส้นแนวต้านขาลง โดยการปรับตัวระยะสั้นมีแนวรับ 1,260 จุด ต่ำกว่ามีแนวรับหลัก 1,251 จุด เป็นจุดพิจารณาซื้อเพื่อเล่นรอบและซื้อถือบางส่วน  

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

ADVNAC มูลค่าการซื้อขาย 3,824.06 ล้านบาท ปิดที่ 152.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,415.62 ล้านบาท ปิดที่ 3.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 794.97 ล้านบาท ปิดที่ 51.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

DTAC มูลค่าการซื้อขาย 555.23 ล้านบาท ปิดที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 510.02 ล้านบาท ปิดที่ 245.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์