กูรูแนะ 7 หุ้นเด่น! มีประเด็น Supportหุ้นพลังงานกดดัน SET บ่ายผันผวน

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (29 ธ.ค.) ปรับตัวลง หลังเจอแรงกดดันจากหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันโลกปรับลงแรง ส่วนตลาดภูมิภาคปรับลงเช่นกัน แต่สามารถกลับมาปิดบวกได้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย หากมีแรงซื้อเข้ามามากขึ้นน่าจะทำให้ดัชนีกลับมายืนอยู่ในแดนบวกได้ แต่ยังมีปัจจัยที่กดดันดัชนีฯ คงเป็นเรื่องการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน พร้อมให้แนวต้าน 1,292 จุด แนวรับ 1,275 จุด ขณะที่ แนะนำ BEAUTY-KCE-HMPRO-MINT-CENTEL-BEAUTY และ COM7

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า เนื่องจากมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานออกมา หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในเมื่อคืนนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบจากอิหร่านที่จะเข้ามาเพิ่มอีก 200,000 บาร์เรล ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดเพิ่มมากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตามแม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลง แต่ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยประคองไม่ให้ดัชนีปรับตัวลดลงไปมากได้ และยังเห็นการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) ในบางช่วง

สำหรับตลาดหุ้นภูมิภาคปรับลดลงตามกัน จากปัจจัยกดดันราคาน้ำมันลดลง แต่สามารถปิดภาคเช้ากลับมาเป็นบวกได้ จากแรงซื้อที่เข้ามาหนุน ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ปิดตลาดภาคเช้ายังเป็นลบอยู่

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ หากมีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น น่าจะทำให้ดัชนีกลับมายืนอยู่ในแดนบวกได้ แต่ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยในวันนี้คงเป็นเรื่องการปรับตัวลงของราคาน้ำมันอยู่ พร้อมให้แนวต้าน 1,292 จุด แนวรับ 1,275 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 29 ธ.ค.) SET เคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 1,270-1,292 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มหุ้นที่ Momentum แกร่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 58 ออกมาดี และราคาหุ้นแข็งแกร่งกว่าตลาดได้แก่ BEAUTY-KCE (เป้าหมายระยะสั้น 72.0 บาท) และกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีต่อมาตรการลดหย่อยภาษี 15,000 บาท อย่าง HMPRO-MINT-CENTEL-BEAUTY และ COM7

ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” BEAUTY ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 6.20 บาท โดยคาดว่าราคาหุ้นจะแข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวมแนวต้านระยะสั้นที่ 6.0 บาท จาก 1) กำไรในไตรมาส 4 ปี 58 มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง +17% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและ 24% จากไตรมาสก่อนที่ 126 ล้านบาท ส่งผลกำไรทั้งปี 2015 เติบโต 32% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 398 ล้านบาท จากยอดขายต่อสาขาเดิมที่เติบโต 8% และการขยายสาขา 11%

2) เป็นอีกธุรกิจที่ได้รับผลดีจากมาตรการลดหย่อยภาษี 15,000 บาท ของรัฐบาล 3) การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของยอดขายให้กับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น (20% ของรายได้ เป็นรายได้จากการขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว) หนุนการเติบโตกำไรปี 2559-61 อีก 24% ต่อปี และ4) มีแผนขยายการขายไปใน Modern Trade และตลาดส่งออกไปยังตะวันออกกลาง ฮ่องกง จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเชีย

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 652.71 ล้านบาท ปิดที่ 3.26 บาท ลดลง0.14 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 531.09 ล้านบาท ปิดที่ 239.00 บาท ลดลง8.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 441.13 ล้านบาท ปิดที่ 155.00 บาท เพิ่มขึ้น1.00 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 419.93 ล้านบาท ปิดที่ 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 238.79 ล้านบาท ปิดที่ 347.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์