โบรกแนะ 11 หุ้นเด่น! กำไรงาม-ปันผลสูงSET บ่ายไร้ปัจจัยหนุน หนีไม่พ้นแดนลบ

SET ช่วงเช้าปรับตัวลงตามตลาดเอเชียจากแรงกดดันตัวเลข PMI ของจีนต่ำกว่าคาด และแรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสารหนาแน่น จากกังวลสงครามราคา 4G และปัญหาซิมดับ บ่ายนี้คาดดัชนีฯยังแกว่งในแดนลบแม้มีแรงหนุนจากลุ่มพลังงานฟื้น พร้อมให้แนวต้าน 1,285 แนวรับ 1,270 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า ( 4 ม.ค.) ปรับลงตามหุ้นภูมิภาค หลังจากตัวเลข PMI ของจีนต่ำกว่าคาด และตลาหุ้นไทยยังเจอแรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่างหนัก

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีหุ้นไทยคงอยู่ในแดนลบต่อ เนื่องจากปัจจัยลบในวันนี้ยังมีน้ำหนักค่อนข้างมาก แม้ว่าในวันนี้จะมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังเกิดความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย แต่เชื่อว่ายังไม่สามารถฉุดดัชนีฯ ช่วงบ่ายให้พลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,285 จุด แนวรับ 1,270 จุด ขณะที่ แนะนำ BEAUTY-KCE-SAWAD-AOT-AAV-CK-SIRI-KTB-TISCOINTUCH และ QH

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีฯปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค โดยได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสารในประเทศวันนี้ออกมาอย่างหนาแน่น เนื่องจากนักลงทุนต่างกังวลเรื่องสงครามราคาของผู้ประกอบการโทรคมนาคมในไทย หลังจากมีการเปิดให้บริการ 4G อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการทำโปรโมชั่นออกมาเพื่อแย่งชิงลูกค้ากันมากขึ้นในต้นปีนี้ อีกทั้งความกังวลเกี่ยวกับซิมดับ ซึ่งยังมีลูกค้าอีกราว 10 ล้านเลขหมายใช้บริการอยู่ ซึ่งกระทบหุ้น ADVANC ที่ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงเช้าที่ผ่านมา

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยคงอยู่ในแดนลบต่อ เนื่องจากปัจจัยลบในวันนี้ยังมีน้ำหนักค่อนข้างมาก แม้ว่าในวันนี้จะมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังเกิดความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย แต่เชื่อว่ายังไม่สามารถฉุดดัชนีฯช่วงบ่ายให้พลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,285 จุด แนวรับ 1,270 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 4 ม.ค.) ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีน PMI เดือน ธ.ค.ปรับลดลงเหลือ 48.2 จากเดือนก่อนหน้าที่ 48.6 ประกอบกับการอ่อนค่าของค่าเงินหยวน และความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิหร่าน กับซาอุฯ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นภูมิภาคตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่แรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC-INTUCH มองว่าเป็นแรงขายเพื่อปรับพอร์ตของนักลงทุนที่ไม่ได้ปรับพอร์ตปลายปี สำหรับปัจจัยพื้นฐานถือว่าเป็นระดับราคาที่ ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8-9% แล้ว

ขณะที่ แนะนำให้ “Selective” หุ้น 3 กลุ่ม ที่คาดว่าจะ Outperform ในช่วงในไตรมาส 1 ปี 59 ดังนี้

1.กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 4 ปี 58 ออกมาดี อย่าง BEAUTY (กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ จากการขยายสาขา) KCE (กำไรไตรมาส 4 ปี 58 เติบโตแกร่ง จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ธุรกิจ PCB ในรถยนต์เติบโตสูง แต่ราคาทดสอบแนวต้าน 72 บาทแล้วสัปดาห์ก่อนมีจังหวะย่อตัว แนวรับ 66 บาท) SAWAD-AOT-AAV (มองกำไรออกมาดี หลังราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปี 58 และเป็นช่วง High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว)

2.กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: อย่าง CK มองการควบรวมของ BMCL และ BECL เป็นปัจจัยบวกต่อ CK ในระยะยาว

3.กลุ่มหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เพื่อรับปันผลตั้งแต่ เม.ย.16 เป็นต้นไป: SIRI (Dividend 0.12 บาท หรือ 8%) KTB (Dividend 0.87 บาท หรือ 5.3%) TISCO (Dividend 2.06 บาท หรือ 5.0%) INTUCH (Dividend 2.2 บาท หรือ 4.4%) QH (Dividend 0.08 บาท หรือ 3.5%)

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,167.22 ล้านบาท ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 9.50 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 796.92 ล้านบาท ปิดที่ 49.75 บาท ลดลง 2.25 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 666.50 ล้านบาท ปิดที่ 247.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 571.37 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 567.33 ล้านบาท ปิดที่ 3.12 บาท ลดลง 0.12 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button