กังวลศก.จีนชะลอตัวกดดัน SET ผันผวนสอย 17 บจ. เทรนด์ดี กำไรโต-ปันผลสูง

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.12 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนตามตลาดโลก อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจีนมีมาตรการเข้ามาพยุงตลาดหรือสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนดัชนีกาจรีบาวน์ได้ ด้านเทคนิครอสัญญาณฟื้นตัวหากสามารถยืนได้เหนือ 1,280 จุด การลงทุนเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มที่แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2558 เติบโตดี, ปันผลสูง หรือมีประเด็นบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเลือก CPALL-ROBINS-HMPRO-COM7-SIRI-KTB-TISCO-INTUCH-QH-CK-SAWAD-AOT-BEAUTY-KCE-AAV-AMATAV และ TPAC

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ม.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ โดยดัชนี SET -1.91% แต่ปริมาณการซื้อขายไม่มากนักอยู่ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท โดยต่างชาติและสถาบันเป็นขายสุทธิหลัก แรงขายส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มสื่อสาร, ธนาคาร และพลังงาน ประเด็นข่าวสำคัญวานนี้ คือ การพิจาณาปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2560 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในกับผู้บริโภค

กลยุทธ์การลงทุน วางแนวรับไว้ที่ระดับ 1,250-1,260 จุด โดยมีแนวต้านที่ 1,280-1,290 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้น โดยให้จุดสังเกตุแนวรับสำคัญ 1,250 จุด หากดัชนียืนไม่ได้มีโอกาสปรับลดไปที่ระดับ 1,200-1,220 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรกลุ่มค้าปลีก เช่น ROBINS, HMPRO, COM7 (+ มาตรการช็อปช่วยชาติ )

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ม.ค.) ว่า Sentiment ตลาดหุ้นโลกที่อ่อนแอ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจจีน การอ่อนค่าของเงินหยวน ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน-ซาอุฯ ประกอบกับการปรับพอร์ตของกองทุน LTF ปลายปี กดดัน SET ด้วยแนวรับ 1,252 จุด ที่เป็นจุดต่ำสุดเดิม ขณะที่จะเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคก็ต่อเมื่อ SET สามารถกลับไปยืนได้เหนือ 1,280 จุดก่อนไปก่อน

แม้ SET อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่มอง Downside Risk จำกัดที่ PE ต่ำกว่า 14 เท่าแนะนำ “Selective” หุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. คาดกำไรไตรมาส 4 ปี 2558 เติบโตแข็งแกร่ง: BEAUTY (กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ใน ไตรมาส 4 ปี 2558) KCE AAV (น้ำมันลง ท่องเที่ยว High Season) SAWAD AOT

2. กลุ่มหุ้นปันผลสูง: SIRI (Yield 8.1%) KTB (Yield 5.4%) TISCO (Yield 4.9%) INTUCH (Yield 4.4%) QH (Yield 3.5%)

3. กลุ่มที่ได้รับผลดีลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: CK (BEM เข้าซื้อขายวันแรก)

 

ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ม.ค.) ว่า โดยปกติดัชนี SET ในเดือน ม.ค. มักจะดีดตัวขึ้น โดยพิจารณาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้ปัจจัยแวดล้อม อย่างทิศทางดัชนีดาวโจนส์ และตัวเลขเศรษฐกิจ ถือว่าไม่ค่อยดี ส่วนราคาน้ำมันตอนนี้ถือว่ายังมีปัจจัยหนุนอย่างความตึงเครียดในซาอุดิอาระเบีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันอาจจะยังไม่ลงแรงๆ หรือดีดตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ

วันนี้ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ การประชุม ครม. ว่าทางรัฐบาลจะออกมาตรการอะไรออกมาอีก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะออกมาตรการทางด้านภาษี ตลาดหุ้นไทย แม้จะยังอยู่ในช่วงคาบลูกคาบดอก ว่าจะฟื้นหรือไม่ กลับมองว่าประเด็นที่ตลาดกังวลกันอย่าง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ น่าจะเป็นไปในทิศทางดีขึ้นอย่างช้าๆ อย่างน้อยก็มีความชัดเจนแผนงานการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการฟื้นตัวของแรงซื้อภายในหลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายรอบ

แรงเขย่าหุ้นในวันนี้ในตลาดหุ้นจีนคาดจะยังมีต่อ ขึ้นอยู่กับว่าทางรัฐบาลจีนจะหามาตรการอะไรเข้ามาพยุงตลาดหรือสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หากมีดัชนีน่าจะรีบาวน์ ดังนั้นวันนี้คาดความผันผวนของตลาดหุ้นจะยังมีต่อแต่คงไม่แรงเหมือนเมื่อวาน วันนี้มองเปิดขึ้นมาดัชนี SET จะปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับที่ 1255-1250 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1270-1275 จุด

Themes play: CPALL แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 50.30 บาท

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ม.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค สัญญาณกราฟที่พบเมื่อวานนี้ เป็นภาพแบบ breakdown ในระยะสั้นใต้ MA10 ทำให้แนวโน้มอาจมีการปรับลงต่อได้ในสัปดาห์นี้ ทดสอบแนวรับต่างๆ ที่ 1,250-1,240 โดยวอลุ่มเมื่อวานนี้สูงกว่าเมื่อวันก่อนทำให้ภาพขาลงชัดเจนมากขึ้น

แนวโน้มของตลาดในระยะใกล้ๆจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,250-1,275

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรที่กรอบแนวรับ-แนวต้าน

หุ้นที่น่าสนใจ AMATAV และ TPAC