กูรูชี้ 10 หุ้นเด่น! รับผลดีบาทอ่อน-ปันผลสูงSET บ่ายผันผวน เหตุราคาน้ำมันยังกดดัน

SET เช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค-ตลาดสหรัฐฯ เหตุราคาน้ำมันดิบดิ่งลงหนักทำให้กดดันกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ยังห่วงเศรษฐกิจจีนที่ชะลอ-นโบายของจีน ซึ่งนักลงทุนยังเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ส่วนบ้านเรารอดูการประกาศงบฯ Q4/58 ของกลุ่มแบงก์ บ่ายนี้ดัชนีฯคงแกว่งตัวมากขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,220 แนวต้าน 1,250-1,260 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า ( 18 ม.ค.) ปรับตัวลงช่วงเปิดตลาดรับปัจจัยกดดันจากนอกประเทศ หลังราคาน้ำมันยังไม่ฟื้น รวมถึงกังวลเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัว ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ช่วงรอติดตามผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในงวดไตรมาส 4/58 คาดว่าจะออกมาไม่เด่นมาก

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีฯจะแกว่งตัวมากขึ้น โดยราคาน้ำมันยังกดดันอยู่ แต่ยังพอมีลุ้นแนว 1,250 ได้อยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,220 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250-1,260 จุด ขณะที่ แนะนำหุ้น AOT-KCE-SVI-AAV-EPG-INTUCH-ADVANC-SIRI-KTB และ TISCO

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามคาด เนื่องจากเจอแรงกดดันจากปัจจัยนอกประเทศ ตลาดสหรัฐปรับตัวลง และราคาน้ำมันดิบดิ่งลงหนักทำให้กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดบ้านเรา

อีกทั้งยังเป็นห่วงเศรษฐกิจของจีนชะลอตัว และนักลงทุนยังจับตานโยบายเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด โดยตลาดหุ้นจีนเข้านี้ผันผวนมาก ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกันหมด

สำหรับตลาดบ้านเรา เข้าสู่ช่วงรอติดตามผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในงวดไตรมาส 4/58 คาดว่าจะออกมาไม่เด่นมาก และไม่น่าจะเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดฯได้ ทั้งนี้ เมื่อดัชนีหลุดแนว 1,250 จุดลงไปทำให้ทิศทางตลาดฯดูไม่ดี และมีการย่อตัวลงในเวลาต่อมา

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ ดัชนีฯคงจะแกว่งตัวมากขึ้น โดยราคาน้ำมันยังกดดันอยู่ แต่ยังพอมีลุ้นแนว 1,250 ได้อยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,220 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250-1,260 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 18 ม.ค.) ว่า การปรับลดลงของราคาน้ำมันต่ำกว่า US$30/bbl และการปรับลดลงแรงของตลาดหุ้นโลก ยังเป็นปัจจัยกดดัน SET ต่อเนื่อง แต่ก็มีปัจจัยที่ลุ้นเป็น “ตัวช่วย” ระยะสั้น ได้แก่ 1) ค่าเงินหยวนเริ่มมีเสถียรภาพ 2) รอดู GDP จีน วันพรุ่งนี้ ถ้าไม่ได้แย่กว่าตลาดคาดอาจลุ้น Rebound สั้น และ 3) งบกลุ่มธนาคารไตรมาส 4 ปี 58 สัปดาห์นี้

โดยระยะสั้นเรายังเน้นกลุ่มหุ้น 3 กลุ่มดังนี้ 1) ได้รับผลดีจากเงินบาทอ่อน 2) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการปรับลดลงของราคาน้ำมัน และ 3) กลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ได้แก่ KCE-SVI-AAV-EPG-INTUCH-ADVANC-SIRI-KTB และ TISCO

ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” AOT ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 420 บาท โดยระยะสั้นมีแนวโน้มทำ New High เหนือ 353 บาท ไปที่ 362 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) จำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปีในช่วง 2019-21 หนุน EBITDA เติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี 2) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์หลังเปิดสนามบินดอนเมือง Terminal 2 หนุนการขยายตัวกำไร 22% ปี 2016F

3) นอกจากสนามบินดอนเมือง Terminal 2 ที่เปิดตัวไปแล้วในช่วงปลายปีก่อน ยังมีการขยายสนามบินภูเก็ต และสนามบินสุวรรณภูมิ Phase 2 เป็นปัจจัยหนุนทั้งการรอบรับผู้โดยสาร และพื้นที่เช่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า และ 4) เงินสดในมือง 4.8 หมื่นล้านบาทเพียงพอรองรับโครงการลงทุนในอนาคตแบบสบายๆ

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,349.59 ล้านบาท ปิดที่ 201.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 876.41 ล้านบาท ปิดที่ 151.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 831.44 ล้านบาท ปิดที่ 2.98 บาท ลดลง 0.06 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 829.50 ล้านบาท ปิดที่ 113.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 794.56 ล้านบาท ปิดที่ 145.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button