โบรกแนะ 5 หุ้นใหญ่! แกร่งกว่าตลาดSET บ่ายมีโอกาสย่อตัว ระวังแรงขาย!
SET เช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะญี่ปุ่นบวกแรงเก็ง BOJ ผ่อนคลายทางการเงินเพิ่ม ด้าน ECB ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน และราคาน้ำมันปรับขึ้น สัปดาห์หน้าจับตาเฟดประชุม-ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ บ่ายนี้ตลาดฯมีโอกาสอ่อนตัวลง เพราะดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวกไม่มาก ให้แนวรับ 1,250-1,240 แนวต้าน 1,270 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า ( 22 ม.ค.) ปรับตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น รวมถึงมีปัจจัยบวกจากที่การประชุม ECB ที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมรอบเดือนมี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดอาจยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ให้ติดตามการส่งสัญญาณจากเฟด และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐด้วย
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนตัวลง หลังดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวกไม่มาก นอกจากนี้ทิศทางของดัชนีฯ ยังแกว่งอยู่ในกรอบใหญ่ 1,220-1,280 จุด ขณะที่แนะนำ หุ้นใหญ่กลุ่มพลังงาน (PTT-PTTEP และ PTTGC) และกลุ่มธนาคาร (SCB-KTB) เนื่องจากเป็นหุ้นที่แข็งกว่าตลาด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นเวียดนามที่ติดลบ แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการปรับตัวขึ้นสูงในเช้านี้ เนื่องจากมีการเก็งกันว่า การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์หน้า อาจจะมีการหารือถึงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้จะทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง
นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังขานรับเรื่องที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งตรงนี้มองว่าช่วยหนุนตลาดได้ระดับหนึ่ง เพราะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจของจีนก็ยังแก้ไม่ได้ รวมถึงอุปทานของน้ำมันยังล้นตลาดอยู่ แต่การที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้เป็นผลจากที่นักลงทุนต่างชาติได้ short covering น้ำมันไว้
อย่างไรก็ตาม ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในสัปดาห์หน้า แม้ว่าอาจจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ให้ติดตามการส่งสัญญาณจากเฟด อีกทั้งสัปดาห์หน้ายังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจากสหรัฐด้วย
ส่วนแนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดฯมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง หลังดาวโจนส์ฟิวเจอร์สไม่ได้บวกมาก นอกจากนี้ทิศทางของดัชนีฯยังแกว่งอยู่ในกรอบใหญ่ 1,220-1,280 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 22 ม.ค.) ว่า ตลาดคาดหวังต่อการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ECB ในการประชุมเดือน มี.ค. และการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT-PTTEP และ PTTGC ประเมินแนวต้านระยะสั้นที่ 1,264 จุด ผ่านไปได้จะเป็นสัญญาณ “กลับตัว” โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,300-1,320 จุด โดยคาดว่าหุ้นใหญ่อย่างกลุ่มพลังงาน (PTT-PTTEP และ PTTGC) และกลุ่มธนาคาร (SCB-KTB) เป็นหุ้นกลุ่มนำตลาด
ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” PTT ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 280 บาท และระยะสั้นที่ 220/240 บาท ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง US$10/bbl ตั้งแต่ต้นปี กระทบพื้นฐาน PTT แค่ 5% เท่านั้น ขณะที่หุ้นปรับลดลงแรงถึง 15% คาดว่าจะเห็นแรงซื้อคืนระยะสั้น
2) ธุรกิจค้าปลีก (Retail Business) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแผนการนำธุรกิจค้าปลีกเข้า Listed ในตลาดจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของ PTT ในระยะยาว
3) ราคาปัจจุบันที่ PBV 0.84 เท่า ต่ำกว่าช่วงที่ซื้อขายในปี 2008 ที่เป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่ PBV 1 เท่า นอกจากนี้ PTT มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลได้สูง 6% ปีนี้
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,205.11 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,121.41 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 972.30 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 721.88 ล้านบาท ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 697.21 ล้านบาท ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์