ชู 18 หุ้นปันผลดี Outperform ตลาดSET มีโอกาสขึ้นต่อ-เป้าถัดไป 1,330 จุด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังคงผันผวนหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเช้านี้ลดลง โดย PMI ภาคการผลิต ม.ค. +49.4 และภาคบริการ 53.5 อย่างไรก็ตาม ดัชนียังก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ในกรอบจำกัด เนื่องจากยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อต่างชาติหลัง BOJ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.66 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวก ส่วนตลาดหุ้นจีนยังคงปรับตัวลงเนื่องจากตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค ของจีนที่ประกาศเช้านี้ลดลงกว่าเมื่อเดือนที่แล้ว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังคงผันผวนหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเช้านี้ลดลง โดย PMI ภาคการผลิต ม.ค. +49.4 และภาคบริการ 53.5 อย่างไรก็ตาม ดัชนียังก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ในกรอบจำกัด เนื่องจากยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อต่างชาติหลัง BOJ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

หุ้นเด่นเลือก PTT, SCB,JAS, ADVANC, INTUCH, SIRI, DIF, CPNRF, TISCO,  KTB, SCC, DTAC, SCC, MINT, PTTEP, ASEFA,TFD,SCC

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ คาด SET น่าจะขึ้นต่อแต่อยู่ในกรอบจำกัด ขานรับ Fund Flow ที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค หลัง BOJ ทำเซอร์ไพรซ์ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ QQE โดยการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม หลังรายงาน GDP 4Q15 ของสหรัฐ ขยายตัวเพียง 0.7% แม้จะอ่อนแอแต่ช่วยลดโอกาสเฟดที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ต้องติดตามรายงานตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค ของจีนที่ประกาศเช้านี้ ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 48 ลดลงจาก 48.2 ในเดือนพ.ย รวมถึง PMI ของกลุ่มยูโรโซนด้วย 

นอกจากนี้คืนนี้ยังต้องตามดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค (ISM) ของสหรัฐที่ปรับลงมาต่อเนื่อง 6 เดือนแล้วอยู่ที่ระดับ 48 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 ที่ถือว่าอยู่ในภาวะถดถอย อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจในเชิงพื้นฐานสะท้อนให้เห็นถึงภาวะอ่อนแอหรือชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบน่าจะทรงตัวรอผลการเจรจาลดกำลังผลิตของกลุ่ม OPECและ Non-OPEC ที่ยังไม่มีรายละเอียดและเวลาในการประชุมเลย

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : Big cap ( SCC, MINT ) (รับ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้า)

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) ว่าคาดดัชนีวันนี้ขึ้นต่อ แต่ผันผวนมากขึ้น ช่วงสั้นค่าเงินเอเชียและเงินบาทจะแข็งค่า รับนโยบายการเงินทั่วโลกที่ผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ญี่ปุ่นทำเซอร์ไพรส์ใช้ดอกเบี้ยติดลบ ผนวกกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่ำกว่าคาด โดย GDP ไตรมาส 4/58 +0.7% QoQ ปรับฤดูกาล (ตลาดคาด +0.9%) ส่งผลให้ FED fund futures ปรับมุมมองเป็นว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเลยในปี 2559 นี้ ทั้งนี้หุ้นใหญ่น่าจะขึ้นต่อนำดัชนี แต่จะผันผวนมากขึ้นหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเช้านี้ลดลง โดย PMI ภาคการผลิต ม.ค. +49.4 และภาคบริการ 53.5 ทั้งนี้ คงมองเป้า SET ไตรมาสหนึ่งที่ 1,330 จุด อิงเป้า PE 15.4 เท่า

เก็งกำไร ASEFA,TFD,SCC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) ว่าSET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นทดสอบเป้าหมาย 1,320 จุด เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) BOJ ลดดอกเบี้ยระหว่างธนาคารต่ำกว่า 0% หนุนการทำ Carry Trade และการลงทุน เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโลก โดย Dow Jones +2.47% เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา 2) ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นต่อ หนุนกลุ่มพลังงาน PTT PTTGC 3) ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพต่อ 4) กลุ่มสื่อสาร INTUCH ADVANC ปันผลสูง ขณะที่ JAS ยังไม่สามารถหาวงเงินวางหลักประกันคลื่น 900MHz ได้ (ดูรายงานกลุ่มสื่อสารเพิ่มเติมวันนี้) และ 5) สถิติในอดีต SET ปรับสูงขึ้น 8 ใน 10 ปี ช่วง 2006-2015

กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้ม Outperform ตลาด เน้น:-

          1. Valuation ถูก ใกล้วิกฤติ 2008: PTT  SCB (PBV 1.25x)

          2. สื่อสาร JAS ยังหาวงเงินกู้ไม่ได้ ปันผลสูง: ADVANC INTUCH

          3. High Dividend Yield: SIRI DIF CPNRF (รายงาน Pathumwan Corner พบว่าไม่เพียงได้ Dividend ยังได้ส่วนต่างราคาหุ้นด้วย) TISCO KTB (ปันผลสูงกว่า 5%)

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) ว่าทิศทางดัชนีทั่วโลกในอาทิตย์นี้ถือว่าน่าจะกระเตื้องขึ้นต่อ หลังมีสัญญาณในทางเชิงบวกในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่อาจจะผันผวนได้ในช่วงปลายสัปดาห์โดยที่เห็นได้ชัดคือ เริ่มมีเม็ดเงินระยะสั้นไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังมองทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ลดน้อยลง โดยเริ่มมีการCover short กลุ่มสื่อสาร ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์และหุ้นพลังงาน

ทิศทางดัชนี SET ในสัปดาห์นี้ คาดจะขึ้นเหนือ 1300 จุด หลังมีสัญญาณเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า หากราคาน้ำมันยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อ ก็น่าจะขึ้นไปที่กรอบ 35-40 ดอลลาร์ หุ้นไทยก็น่าจะขึ้นไปที่กรอบ 1320-1330 จุด แต่อาจจะเผชิญกับแรงขายช่วงสั้นๆ หากราคาน้ำมันเกิดปรับตัวลง ส่วนการประชุม กนง. คาดจะยังคงดอกเบี้ย ส่วนในต่างประเทศที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลข PMI ของจีนและตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ วันนี้มองดัชนี SETจะขึ้นต่อจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มหลักและแรงหนุนของดัชนีในภูมิภาค แต่อาจมีแรงขายสลับออกมาแต่คงไม่แรง โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1310-1315 จุด และแนวรับที่ 1295-1290 จุด

Fundamental Stock :

=> PTTEP : COMPANY NOTE – รอดชีวิตสู่ชัยชนะ (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 68 บาท)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.พ.) ว่าสำหรับวันนี้ติดตามกระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนี CPI ม.ค. คาด -0.46 % (YoY) และในการประชุม กนง. วันที่ 3 ก.พ. Consensus คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5 % เพื่อรอดูภาวะเศรษฐกิจโดยรวมหลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องไปที่ระดับแนวต้าน 1,313 จุด แนวรับ 1,280 จุด ระยะสั้นยังไม่มีสัญญาณลบต่อตลาด เนื่องจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เริ่มลดลง แนะนำถือต่อโดยวางเป้าหมายดัชนีในระยะ 2 – 3 สัปดาห์ ไว้ที่ระดับ 1,350 จุด แนะนำซื้อลงทุน SCC , DTAC

 

 

Back to top button