บล.โกลเบล็ก มอง SET เจอแรงกดดันศก.ชะลอตัวให้กรอบ 1,280-1,315 แนะลงทุนหุ้นงบ Q4 เด่น
บล.โกลเบล็ก มอง SET เจอแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว ให้กรอบ 1,280-1,315 จุด แนะลงทุนหุ้นงบ Q4/58 เด่น
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคมมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบแล้วกว่า 2 ล้านล้านหยวน (10.84 ล้านล้านบาท) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในช่วงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สรุปยอดค้างสินเชื่อในเดือนธันวาคมว่า ขยายตัว 5.6% จากการเพิ่มขึ้นของครัวเรือน ตอบรับมาตรการกระตุ้นรัฐบาล สินเชื่อรถมีการฟื้นตัวขึ้นหลังจากหดตัวลง 19 เดือนติดต่อกัน ส่วนภาคธุรกิจมีปริมาณสินเชื่อเพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและขนส่ง
นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยหนุนจากจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 เป็นงบประมาณขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณ 2559 ภายใต้สมมติฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2560 เติบโต 4% เงินเฟ้อที่ระดับ 2% อีกด้วย ซึ่งบ่งชี้ว่าจะเห็นการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนขนาดใหญ่
อย่างไรตามก็ยังมีปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว และไม่มีความหวังว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะจัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตเกิดขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตนำมันของรัสเซียเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมกราคม และสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกปี 2559 โดยหน่วยงานอื่นต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่ระดับ 5% โดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยคาดว่าจะเติบโต 2% ส่วนนักเศรษฐศาสตร์จากจุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัยมองว่าการส่งออกจะหดตัว 0.2% รวมทั้ง Fund Flow ต่างชาติมีการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีราว 9.4 พันล้านบาทอีกด้วย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯและจีนหดตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรงเป็นแรงกดดันหลักต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
ทั้งนี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีแรงซื้อดักงบและปันผลปี 2558 ที่จะทยอยประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีทรุดตัวแรงมากนัก โดยคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,280-1,315 จุด
โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุนได้แก่ กลุ่มที่คาดว่างบปี 2558 และ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 เติบโตขึ้น แนะนำ EPG, QTC, FSMART, KCE, TVT, GL, BEAUTY, EA, SYNEX, SMPC, SPALI, ORI, UBIS ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันปรับตัวลง แนะนำ AOT, BA, AAV และ กลุ่มจ่ายปันผลสูง แนะนำ INTUCH, ADVANC และ KTB