ประกาศๆ หุ้นไทยยังแจ๋วอยู่!!
ตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการสับขาหลอกกันอย่างอุตลุดสุดเหวี่ยง
–ตามกระแสโลก–
ตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการสับขาหลอกกันอย่างอุตลุดสุดเหวี่ยง
มีทั้งแบบแดงมา 2-3 จุด ทั้งวัน แต่พอปิด ลบไป 20 จุด หรือแบบ เปิดเช้ามาลบหนัก ปิดบ่ายดันกลับมาบวก
แต่ในภาพรวม ดัชนีปรับตัวลดลงราว 3% หรือประมาณ 30 กว่าจุด จากสัปดาห์ก่อนหน้า
ทั้งที่ช่วงต้นสัปดาห์มีแต่สัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่าดัชนีกำลังปรับยกฐานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,310 จุด
ส่วนแนวต้าน 1,300 เดิม ก็กลายมาเป็นแนวรับ ป้อมปราการที่แข็งแกร่ง เพราะยืนเหนือมาได้ 2 สัปดาห์ติดกัน
อย่างไรก็ดี การคาดการณ์ทั้งหมดนี้คงเป็นได้แค่ความฝันต่อไป…
ประเด็นหลักที่เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ล้วนมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น
ซึ่งไฮไลท์สำคัญ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวจากทางฟากฝั่งยุโรป ที่มีประเด็นเรื่องของ “ดอยช์แบงก์” มาทำหน้าที่เป็นเรือธง
โดยตลาดมีความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้และดอกเบี้ยจากการออก Contingent Convertible Bond หรือ CoCo Bond
เนื่องจาก ธนาคารแห่งนี้รายงานผลประกอบการงวดปี 2558 มีผลขาดทุนสุทธิสูงถึงเกือบ 7 พันล้านยูโร
เหตุนี้จึงทำให้ราคาหุ้น “ดอยช์แบงก์” ปรับตัวลงอย่างหนัก ถ้านับจากต้นปีก็ลงไปร่วม 40% แล้ว และ
แน่นอนว่า ประเด็นนี้ได้ฉุดราคาหุ้นของธนาคารพาณิชย์อื่นๆในยูโรโซนให้ร่วงลงหนักเช่นกัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่จึงเป็นเหตุทำให้ตลาดโยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่า และมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
หากยกตัวอย่างให้ฟังดูแล้วทันสมัยหรือตามกระแสหน่อย สินทรัพย์ที่ว่านี้ก็คือ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ซึ่งถือเป็น ตัวเลือกแรกๆที่ได้รับความต้องการ หลังนักลงทุนต่างหันหน้าหนีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคธนาคารในยูโรโซน
โดยความต้องการถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯประเภท 10 ปีที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงไปแล้ว 0.10% นับจากวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
นั่นแหละครับ ประเด็นนี้ได้แผ่รังสีอำมหิตมาถึงบ้านเรา ทำให้เกิดเซนทิเมนต์เชิงลบไปแบบ “เรียบร้อยโรงเรียนดอยช์แบงก์”
ส่วนปัจจัยลบภายในประเทศ หากมองกันตามเนื้อผ้าถือว่า สัปดาห์นี้ไม่มีเรื่องแย่ๆอะไรที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
ถ้าจะมีบ้าง คงเป็นเรื่องซื้อ-ขายของบัญชีโบรกเกอร์ ซึ่งหลังๆ มานี้ดูจะมีความเข้มข้นระคนเหี้ยมโหดมากขึ้นจนต้องจับตามอง
ก็อย่างว่าล่ะน้า ตลาดหุ้นมันย่อมต้องมีการซื้อการขายกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ผิดอะไร
แต่หากทำตัวเป็นพวก ปากว่าตาขยิบ เขียนให้คนมารับของตัวเอง หรือเขียนเพื่อรีดของออกจากคนอื่น
สงสัย ก.ล.ต. ต้องเริ่มเข้ามาสอดส่องดูแล ว่าจะเรียกใครไปปรับทัศนคติในห้องเย็นบ้างแล้วแหละ
สำหรับทิศทางสัปดาห์หน้า ปัจจัยแย่ๆเดิมๆ ทั้งเรื่องน้ำมัน ยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน คงยังมีผลต่อตลาดอยู่
อีกทั้ง ต้องติดตามเฝ้าดูตลาดหุ้นจีนที่จะเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์ หลังหยุดมาตลอดทั้งสัปดาห์ไว้ด้วย
เพราะน่าจะซึมซับรับกระแสเชิงลบที่เกิดขึ้น ระหว่างช่วงวันหยุดยาวเที่ยวนี้ไปมากทีเดียว
ส่วนเรื่องของฟันด์โฟลว์ (เอาท์โฟลว์) ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยอยู่เช่นกัน
ถึงแม้ท่านรองฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะยืนยันว่า “เอาอยู่” ก็ตามที แต่ข้อเท็จจริง ซึ่งพิสูจน์ได้จากการปรับลดผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ มันมิได้เป็นเช่นนั้นน่ะซิครับ เจ้านาย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสัปดาห์หน้าจะน่าสนใจมาก เพราะการปรับตัวลงแรง ทั้งๆที่ผลประกอบการในภาพรวมเท่าที่ออกมาตอนนี้ดีเกินคาด มันมีความหมายที่เป็นนัยสำคัญแฝงอยู่ ใช่หรือไม่??