SET ลุ้นรีบาวด์ตามตปท.รับราคาน้ำมันฟื้นชง 9 หุ้นเด่นเน้นเก็งกำไรสั้น-ลงซื้อขึ้นขาย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะมีโอกาสรีบาวด์ได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศรับราคาน้ำมันฟื้น ประกอบกับตลาดยังมี Sentiment ในเชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ฟื้นตัวจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารหลังธนาคารเหล่านี้ประกาศแผนซื้อหนี้คืนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อฐานะการเงินของธนาคาร ส่วนวันนี้แนะนำติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 4/58 ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ดัชนีฯก็อาจรีบาวด์ได้ไม่ดีนัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.66 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้แสดงความพร้อมที่จะเจรจากับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะมีโอกาสรีบาวด์ได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศรับราคาน้ำมันฟื้น ประกอบกับตลาดยังมี Sentiment ในเชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ฟื้นตัวจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารหลังธนาคารเหล่านี้ประกาศแผนซื้อหนี้คืนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อฐานะการเงินของธนาคาร ส่วนวันนี้แนะนำติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 4/58 ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ดัชนีฯก็อาจรีบาวด์ได้ไม่ดีนัก

สำหรับหุ้นเด่นเลือก BEAUTY, CENTEL, SAT, FSMART, TOP, ASEFA, LIT, BJCHI, SCB

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกกัน ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นไต้หวันที่ติดลบหลังหยุดในช่วงตรุษจีนทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรง และทางแบงก์ต่างประเทศทั้งจากสหรัฐฯ และยุโรป พยายามที่จะดำเนินการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา อย่าง “ดอยช์แบงก์”ก็จะมีการซื้อหุ้นกู้ และทางประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ”เจพี มอร์แกน”ก็จะซื้อหุ้นของบริษัทฯตนเอง ตรงนี้จึงทำให้ตลาดสหรัฐฯกลับมารีบาวด์ขึ้นได้

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลข GDP งวดไตรมาส 4/58 ของไทยที่จะประกาศในวันนี้ ซึ่งตลาดฯคาดเติบโต 2.4% แต่ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าจะเติบโต 2.2% ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ดัชนีฯก็อาจรีบาวด์ได้ไม่ดี

พร้อมให้แนวรับ 1,270-1,275 จุด ส่วนแนวต้าน 1,285 ถัดไปก็ 1,290-1,295 จุด

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.พ.)  มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ คาด SET น่าจะรีบาวด์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังได้ Sentiment ในเชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ฟื้นตัวจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารหลังธนาคารเหล่านี้ประกาศแผนซื้อหนี้คืนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อฐานะการเงินของธนาคาร ประกอบหุ้นกลุ่มน้ำมันได้ปรับขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นบนความคาดหวังว่ากลุ่มโอเปกจะร่วมมือกันลดกำลังการผลิต ฉะนั้นหุ้นในกลุ่มธนาคารและพลังงานน่าจะนำตลาดวันนี้ นอกจากนี้วันนี้นักลงทุนต้องติดตามยอดส่งออกจีนเดือนม.ค ที่ตลาดคาดว่าน่าจะติดลบ 1.9%yoy เพิ่มขึ้นจากติดลบ 1.4%yoy ในเดือนธ.ค 2015 และตลาดหุ้นจีนกลับมาเทรดเป็นวันแรกหลังปิดนานกว่าสัปดาห์ และวันนี้จะมีรายงานจีดีพี 4Q15 ของไทย ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 2.7%yoy จะทำให้ทั้งปี 2015 เติบโต 2.85% ส่วนวันพุธจะมีรายงานการประชุมเฟดเดือนม.ค ของสหรัฐ อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศจะมีความผันผวนสูงเพราะภาวะเศรฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความผันผวนของค่าเงินยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นความเสี่ยงระยะกลางและยาวยังกดดันตลาดอยู่ต่อเนื่อง

กลยุทธ์วันนี้ : Selective BUY/ลงแรงซื้อ ขึ้นขาย/ทำกำไรเล่นรอบสั้น

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : SCB (MSCI เพิ่มน้ำหนักและจะรีบาวด์ตามหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของโลกที่ฟื้นตัว)

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.พ.)  ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ลุ้นรีบาวด์ทดสอบแนวต้านแรก 1290 จุด หลังดัชนีปรับลงไปค่อนข้างแรงแล้วช่วงท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้หุ้นหลายบริษัทมีราคาต่ำกว่าพื้นฐานและกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น ประกอบกับการเด้งขึ้นแรงของราคาน้ำมันตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ทำให้มีลุ้นการรีบาวด์ของกลุ่มพลังงานเช่นกัน นอกจากนี้ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐล่าสุดประกาศออกมาดีกว่าหลายฝ่ายคาด จึงคลายความกังวลให้นักลงทุนได้บ้างในวันนี้

แนวรับ/แนวต้าน : 1275/1290 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.พ.)   ประเมินภาวะการซื้อขายเช้านี้ได้แรงหนุนจากความคลายกังวลต่อปัญหาภาคธนาคารยุโรป หลังจากดอยช์แบงก์ประกาศซื้อคืนหุ้นกู้ โดยประเมินดัชนียังคง Sideway ในกรอบแนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,295 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบ   

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.พ.)  คาดดัชนีฟื้นตัวตามปัจจัยภายนอก เครื่องชี้หลักๆ ระบุตลาดกล้าเสี่ยงมากขึ้น ดัชนี VIX ต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ น้ำมันเด้งหลังตลาดกลับมาเก็งกำไรการลดผลิตนำมัน ราคาทองปรับฐาน ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้น และค่าเงินเยน/ดอลล่า กลับมาอ่อนหลังญี่ปุ่นรายงาน GDP ไตรมาส 4/58 ลบมากกว่าคาด นอกจากนี้ หุ้นธนาคารในสหรัฐซื้อุ้นของตนเองหลังราคาร่วงหนัก สำหรับปัจจัยวันนี้ได้แก่ GDP ไทยไตรมาส 4/58 รวมทั้งติดตามการซื้อขายของตลาดหุ้นจีนซึ่งเปิดวันแรกหลังหยุดตรุษจีน

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร ASEFA-LIT/สะสม BJCHI

 

บล.ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.พ.) กลยุทธ์ : สถานการณ์ตลาดในอาทิตย์นี้ น่าจะค่อยๆดีขึ้น แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องจับตาดูกันต่อ โดยเฉพาะ การเปิดของตลาดหุ้นจีน ตัวเลขเศรษฐกิจจีนอย่างส่งออก ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ อังกฤษ แคนาดาและจีน รวทั้งความคืบหน้าของการเจรจาของกลุ่ม OPEC เรื่องการลดกำลังการผลิต โดยวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันประธานาธิบดี ส่วนทิศทางตลาดหุ้น

ไทยในสัปดาห์นี้คาดคงอยู่ในสภาพคล้ายๆ กัน คือยังแกว่งตัวตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ โดยหากมีปัจจัยบวกเกิดขึ้น ดัชนีจะดีดกลับ และหากเกิดปัจจัยลบดัชนี SET จะปรับตัวลง โดยกรอบสูงสุดยังมองที่ 1300+/- จุด ส่วนกรอบล่างยังมองที่ 1250+/- จุด

ประเด็นที่จะหนุนดัชนีSET ในอาทิตย์นี้ คือ แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน (แนะนำ เล่นเก็งกำไร PTTEP/PTT) วันนี้แม้จะมีปัจจัยหนุนจากดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐ ยุโรปและภูมิภาคจะปรับตัวขึ้นแรง แต่คาดดัชนีตลาดหุ้นจีนอาจจะเป็นตัวหน่วง สำหรับการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะเดือนก.พ. ถึงปัจจุบันพบว่าปรับตัวลงหมด ส่วนการประกาศตัวเลข GDP ของไทยวันนี้คาดไม่มีผลอะไรกับตลาด โดยวันนี้คาดจะมีแนวรับที่ 1270-1265 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1282-1287 จุด

Fundamental Stock :

=> BEAUTY : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท)

=> CENTEL : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 46.50 บาท)

=> SAT : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.86 บาท)

=> FSMART : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.60 บาท)

=> TOP : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 70.00 บาท)

 

Back to top button