จับตา! “แพทองธาร”ถก 9 กูรูรับมือ“ภาษีทรัมป์” DE ชงครม.เคาะ“กม.ไซเบอร์–สินทรัพย์ดิจิทัล”

ประชุมครม. วันนี้ กระทรวงดีอี เตรียมเสนอกฎหมายไซเบอร์และสินทรัพย์ดิจิทัล คาดทันใช้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ จากนั้น นายกฯ “แพทองธาร” นำทีมหารือ “9 กูรู” ถกแนวทางรับมือมาตรการการค้าสหรัฐฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 เม.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีภารกิจสำคัญหลายรายการ โดยมีรายละเอียดที่น่าจับตาดังนี้

เวลา 08:30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการสอบสวนกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ย่านจตุจักร ที่พังถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อพิจารณาวางแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาในอนาคตอย่างเป็นระบบ

เวลา 10:00 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยมีวาระสำคัญ อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม)

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.ก. 2 ฉบับ เริ่มจาก พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เน้นป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านลิงก์และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ กำหนดให้ผู้ให้บริการ เช่น ธนาคาร โอเปอเรเตอร์ และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ต้องมีมาตรการควบคุม หากละเลยจนเกิดความเสียหาย ต้องร่วมรับผิดชอบ พร้อมให้อำนาจสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คืนเงินแก่เหยื่อได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งศาล หากสามารถพิสูจน์เส้นทางการเงินได้ชัดเจน

ขณะที่ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล มุ่งควบคุมธุรกรรมแบบ P2P (peer-to-peer) ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี โดยให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบและกำกับดูแล โดยเฉพาะแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานในไทย หากไม่ขออนุญาตจะมีความผิดตามกฎหมาย และสามารถสั่งปิดกั้นการเข้าถึงได้ทันทีผ่านอำนาจของกระทรวงดีอี

ทั้งนี้ หาก ครม. เห็นชอบ ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะมีผลบังคับใช้ทันที โดยไม่ต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามทางดิจิทัลได้อย่างทันท่วงที โดยคาดว่าจะมีผลใช้บังคับก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้

ประชุมกับ 9 กูรู รับมือ “ภาษีทรัมป์”

จากนั้นเวลา 13:00 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกา ร่วมกับคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ จากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าขั้นต่ำ 10% จากสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลก และยังเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศที่มีดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาสูง โดยประเทศไทยถูกกำหนดให้อยู่ในอัตราภาษีตอบโต้ที่ 37%

คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ประกอบด้วย

  1. นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
  2. นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
  3. นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์
  4. นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
  5. นายฉันทานน์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  6. นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
  7. นางสาวใจไทย อุปการนิติเกษตร รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
  8. นางขวัญนภา ผิวนิล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ
  9. นายโอม บัวเขียว คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี

Back to top button