
“อัสสเดช” ยันคลังไม่ปิดประตูตาย ส่งสัญญาณพร้อมขยายเวลา “ห้ามชอร์ตเซล”
“อัสสเดช” ส่งสัญญาณพร้อมขยายเวลา “ห้ามชอร์ตเซล” หากปัจจัยลบยังกระทบตลาดหุ้นไทย ยืนยัน รมว.คลัง ไม่ปิดประตูตาย เตรียมพร้อมรับมือทุกความผันผวน
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (11 เม.ย.68) ถึงทิศทางการดำเนินมาตรการรองรับความผันผวนของตลาดทุนไทย ซึ่งประกอบด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และตลาด TFEX โดยมาตรการชั่วคราว ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 8 – 11 เม.ย.68 มี 3 ข้อ ประกอบด้วย
(1.) ปรับเกณฑ์ราคา Ceiling & Floor จากเดิม ±30% เหลือ ±15%
(2.) ปรับกรอบ Dynamic Price Band จาก ±10% เหลือ ±5%
และ (3.) ห้ามการขายชอร์ต (Short Sell) ทุกหลักทรัพย์ ยกเว้นผู้สร้างสภาพคล่อง (Market Maker) ที่ยังสามารถขายชอร์ตในหุ้นกลุ่ม SET100
นายอัสสเดช กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีการประกาศออกมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย.68 ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการ ทำให้สามารถพิจารณาสถานการณ์ในตลาดหุ้นต่างประเทศได้ก่อนจะเปิดตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างทันท่วงที
เมื่อเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยกับภูมิภาค ถือว่ามาตรการที่นำมาใช้สามารถลดแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่ง ตลาดไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายประเทศ ยกเว้นจีน อินเดีย และฟิลิปปินส์ ที่ดัชนีปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดหุ้นไทยเพียงเล็กน้อยในช่วงวันที่ 8–9 เม.ย. ขณะที่ในวันที่ 10 เม.ย. ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคฟื้นตัวกลับมาพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์ในวันอังคาร (9 เม.ย.68) ที่ผ่านมา ที่ดัชนีร่วงแรง ตลท. พบว่า หุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ปรับเพดานใหม่เหลือ ±15% มีเพียง 2 ตัวที่แตะฟลอร์ สะท้อนว่าบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ยังมีเสถียรภาพดี ส่วนหุ้นที่ปรับลงรุนแรงส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีสภาพคล่องต่ำ
ส่วนมาตรการห้ามชอร์ตเซลนั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อกดการขายหรือแทรกแซงกลไกตลาดโดยตรง แต่ต้องการให้ตลาดมีเวลาประเมินสถานการณ์อย่างมีเหตุผล นักลงทุนที่ต้องการซื้อหรือขายจะได้ตัดสินใจโดยไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากภาวะตื่นตระหนก
นายอัสสเดช ย้ำว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยต้นสัปดาห์หน้าตรงกับวันหยุดราชการ (14–15 เม.ย.68) ทีมงาน ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมพร้อมเรียกประชุมด่วน หากพบความจำเป็นต้องขยายมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของท่าทีจากกระทรวงการคลัง นายอัสสเดช กล่าวว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือกับ ตลท. อย่างใกล้ชิด และกำชับให้ดำเนินการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ปิดประตูตายต่อการขยายระยะเวลามาตรการ
ทั้งนี้ ไทยนับเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการระงับชอร์ตเซลในช่วงนี้ ทำให้ ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องพิจารณาผลกระทบทั้งต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบต่อการจัดอันดับตลาดทุนของไทยในดัชนีสำคัญอย่าง MSCI
“การยกเลิกชอร์ตเซลในระยะยาว เคยส่งผลให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถูกปรับลดน้ำหนักในดัชนี MSCI ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย เพราะหากถูกถอดออกจากดัชนีสำคัญ จะส่งผลกระทบอีกแบบหนึ่ง” นายอัสสเดชกล่าว
สำหรับมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงที่มีมาตรการห้ามชอร์ตเซล พบว่ามูลค่าการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นที่ระดับ 50,000 – 60,000 ล้านบาทต่อวัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยในภาวะปกติ ซึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมวิเคราะห์ต่อว่าเป็นผลบวกหรือลบ ผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า
“เราต้องพิจารณาว่า แรงซื้อขายที่เกิดขึ้นมาจากความเชื่อมั่น หรือจากภาวะความผันผวน เพราะในภาวะที่มีข่าวแรง ๆ จากต่างประเทศ นักลงทุนมักตอบสนองเร็วและรุนแรง มาตรการที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯออกมาช่วงวันที่ 8 – 11 เม.ย.นี้ เพื่อให้ตลาดมีเวลาหยุดคิด และไม่ตัดสินใจจากอารมณ์เพียงอย่างเดียว” นายอัสสเดช กล่าว
นายอัสสเดช ระบุด้วยว่า หนึ่งในเกณฑ์ที่ MSCI ใช้พิจารณาน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นแต่ละประเทศ คือ “ความเปิดกว้างของกฎเกณฑ์” และ “ความสามารถในการลงทุนหลากหลายรูปแบบ” หากห้ามในระยะยาวก็จะส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยอย่างแน่นอน