“บอนด์ไทย” ดึงดูดเงินทุน “ต่างชาติ” สูงสุดรอบ 3 ปี คาดเก็งกำไร “ลดดอกเบี้ย-ค่าเงินบาท”

ตลาดพันธบัตรไทยดึงดูดเงินทุนต่างชาติสูงสุดในรอบ 3 ปี คาดหวังการลดดอกเบี้ยและผลจากค่าเงินบาทแข็งค่า ด้านนักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกรุงไทย เผยเกิดทุกปี 3-4 ครั้ง ช่วงเงินบาทแข็งค่า กลยุทธ์เก็งกำไรจากส่วนต่างของดอกเบี้ย


วันนี้ (28 เม.ย. 68) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานสถานการณ์ตลาดพันธบัตรไทยว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติอย่างมากในเดือนเมษายนนี้ โดยเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดมีแนวโน้มสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือเทียบได้กับปี พ.ศ. 2565 ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติได้เข้าซื้อพันธบัตรไทยมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ปัจจัยหลักที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติคือการคาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30 เม.ย. นี้ ซึ่งทำให้พันธบัตรไทยมีผลตอบแทนที่น่าสนใจ ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากการปรับตัวสูงของราคาทองคำในตลาดโลก ช่วยให้ต้นทุนการกู้ยืมในต่างประเทศลดลง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหันมาลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นของไทย

นายสงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ทีม Investment and Market Research ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การคาดการณ์การลดดอกเบี้ยจากสัญญาณทางเศรษฐกิจและธนาคารแห่งประเทศไทย มีความชัดเจน ขณะเดียวกันค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วยลดต้นทุนการกู้เงินในต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสในการเก็งกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม นายสงวน ยังเตือนว่า การไหลเข้าของเงินทุนส่วนใหญ่ในตลาดพันธบัตรไทยเกิดจากการเก็งกำไร (Arbitrage) จากส่วนต่างดอกเบี้ย ซึ่งนักลงทุนกู้เงินในตลาดต่างประเทศที่มีต้นทุนต่ำแล้วนำมาลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นของไทยไม่ได้สะท้อนว่าเชื่อมั่นหรือไม่เชื่อมั่น ขณะที่ลงทุนพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่น รวมทั้งจะได้กำไรหากมีการลดดอกเบี้ย

“สมมุติว่าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศเป็น 0% นักลงทุนต่างชาติอาจกู้เงินที่ต้นทุน 0% แล้วนำมาลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นของไทย ซึ่งผลตอบแทนอาจอยู่ที่ 1.5-2% ขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย และการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นจะเกิดขึ้นปีละ 3-4 ครั้งในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า” นายสงวนกล่าว

ข้อมูลจาก ThaiBMA ยังระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติได้เข้าซื้อพันธบัตรไทยสุทธิมูลค่า 78 พันล้านบาท โดยมียอดซื้อพันธบัตรระยะยาว (เกิน 1 ปี) ประมาณ 56.5 พันล้านบาท

Back to top button