SETบ่ายมีโอกาสผันผวน-upside จำกัดแนะ 3 กลยุทธ์เลือกหุ้นพร้อมชี้ 6 ตัวเด่น
โบรกฯคาดแนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายนี้ (4 มี.ค.) มีโอกาสผันผวน แม้ดัชนีฯจะขึ้นก็มี upside ไม่มาก หุ้นคงจะแกว่งมากขึ้น เนื่องจากตลาดต่างประเทศเริ่มเห็นสัญญาณ take profit พร้อมให้แนวรับ 1,380 แนวต้าน 1,400 จุด แนะนำกลยุทธ์ "เลือกซื้อ" ในหุ้นกลุ่มที่มีปันผลดี หรือ valuation ไม่แพง และแข็งกว่าตลาด หรือ "เก็งกำไร" อย่างระมัดระวังโดยมีจุดทำกำไร/ จุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (4 มี.ค.) ปรับตัวขึ้นเหมือนตลาดภูมิภาค มอง Flow ยังไหลเข้าดูได้จากบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และยังหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ECB ที่จะประชุมสัปดาห์หน้า บ่ายนี้ตลาดมีโอกาสผันผวน แม้ดัชนีฯจะขึ้นก็มี upside ไม่มาก หุ้นคงจะแกว่งมากขึ้น เนื่องจากตลาดต่างประเทศเริ่มเห็นสัญญาณ take profit พร้อมให้แนวรับ 1,380 แนวต้าน 1,400 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นเหมือนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจาก Flow ยังคงไหลเข้าอยู่ ดูได้จากเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนของภาครัฐฯเข้ามาเพิ่มเติม แต่ในส่วนนี้เชื่อว่าน่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มากกว่า ขณะที่ยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 10 มี.ค.ซึ่งก็คาดว่าอาจจะมีการเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นอกจากนี้ยังคาดว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในรอบการประชุมกลางเดือนมี.ค. คงจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับที่ผ่านมาหุ้นไทยก็ปรับตัวลงไปมากแล้วด้วย ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการได้เห็นแรงซื้อหุ้นไทยในช่วงนี้ อย่างไรก็ดีให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันนี้ด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะผันผวนมากขึ้น แม้ว่าจะมีภาพของการปรับขึ้น แต่ก็มี upside ไม่มาก และหุ้นคงจะแกว่งตัวมากขึ้น เนื่องจากตลาดต่างประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการ take profit ซึ่งถ้าบ่ายนี้ตลาดภูมิภาคมีแรง take profit ตลาดหุ้นไทยก็อาจจะถูก take profit ตามด้วยก็ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 4 มี.ค.) ว่า หุ้นขนาดใหญ่ยังคงค้ำให้ SET ไม่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย ที่ปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เช้า
อย่างไรก็ดี ด้วยการปรับตัวขึ้นมาเร็วและต่อเนื่องของ SET จากจุดต่ำสุดในเดือน ก.พ. ขึ้นมามากกว่า 100 จุดแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงที่ SET จะพักฐานระยะสั้น แนะนำกลยุทธ์ “เลือกซื้อ” ในหุ้นกลุ่มที่มีปันผลดี หรือ valuation ไม่แพง และแข็งกว่าตลาด หรือ “เก็งกำไร” อย่างระมัดระวังโดยมีจุดทำกำไร/ จุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนเช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร
โดยเลือกซื้อ HANA หุ้นปันผลสูง-valuation ถูก เนื่องจาก Operating ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดกำไรเติบโต 19-21% ในปี 59-60 อีกทั้งเงินสดในมือสูงถึง 11.3 บาท/หุ้น และคาดเงินปันผลปี 59 ที่ 8% (2.50 บาท/หุ้น) นอกจากนี้ทางเทคนิคผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 34 บาท ขึ้นมา ลุ้นทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 36.75 บาท
ส่วนหุ้นเก็งกำไรเลือก SIRI มีปันผลสูง 0.12 จะ XD ในวันที่ 15 มีนาคม นี้ คิดเป็นผลตอบแทนปันผล 7.2% ทางเทคนิคลุ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1.64 บาท หากยืนได้มีโอกาสไปทดสอบ 1.70 บาท
ด้านกลุ่มสื่อสาร “เก็งกำไร” กรณี JAS จะจ่ายเงินค่าคลื่น 4G 900Mhz ได้หรือไม่ คาดประเด็นดังกล่าวจะรู้ผลวันที่ 21 มีนาคม นี้ คาดราคาหุ้นจะผันผวนตามกระแสข่าว
1) กรณีจ่ายเงินได้ แนะนำ “เก็งกำไร” JASIF จากความเสี่ยงต่อธุรกิจที่ลดลง และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 9.5% โดยมีจุดตัดขาดทุนหากหลุด 8.1 บาท
2) กรณีจ่ายเงินไม่ได้ แนะนำ “เก็งกำไร” ADVANC INTUCH DTAC เนื่องจาก การแข่งขันจะไม่ดุเดือดเท่ากรณีมีผู้เล่นรายใหม่ คือ JAS เข้ามา
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
DTAC มูลค่าการซื้อขาย 2,020.31 ล้านบาท ปิดที่ 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,515.18 ล้านบาท ปิดที่ 181.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,078.24 ล้านบาท ปิดที่ 73.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,057.57 ล้านบาท ปิดที่ 470.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,044.87 ล้านบาท ปิดที่ 144.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท