SET ลุ้นฝ่าแนวต้านจิตวิทยา 1,400 จุดชง 14 หุ้น Laggard เหมาะเก็งกำไรสั้น
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มทดสอบแนวต้านจิตวิทยา 1,400 จุด ส่วนแนวรับที่ 1386-1382 จุด โดยดัชนียังมีแรงหนุนจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่สัปดาห์นี้ยังคงแนะนำติดตามผลประชุมครม.และผลการประชุมเฟดและ BOJ ในวันอังคาร
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.01 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.04 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (11 มี.ค.) หลังราคาน้ำมันทะยานขึ้น รวมถึงการดีดตัวของตลาดหุ้นยุโรปขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มทดสอบแนวต้านจิตวิทยา 1,400 จุด ส่วนแนวรับที่ 1386-1382 จุด โดยดัชนียังมีแรงหนุนจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ CK, UNIQ, CENTEL, MINT, HANA, SGP, IRPC,ROBINS, CBG, IRPC, TPIPL, VIBHA, JASIF, RP
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ ตามแรงผลักดันด้านสภาพคล่องหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเพิ่มวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินน่าจะไหลเข้ามา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นด้วย หลังจากที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกมาบอกว่าราคาน้ำมันอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ และติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า รับ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
พร้อมให้แนวรับ 1,385-1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,396-1,400 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) ว่า SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านหลัก 1,400 จุด อีกครั้งวันนี้ จาก 1) สภาพคล่องตลาดเงิน-ทุนโลกที่เพิ่มขึ้นหลัง ECB ลดดอกเบี้ย และเพิ่มวงเงิน QE เป็น EUR8 หมื่นล้าน/เดือน หนุน Sentiment ตลาดหุ้นโลก 2) ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง Brent +0.9% เมื่อคืนวันศุกร์ คาดการณ์กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันร่วมมือกันจำกัดปริมาณการผลิต 3) แม้ Bond Yield เริ่มทรงตัวหลังประธาน ECB ส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ยอีกแล้ว แต่ Bond Yield Gap ที่ 4.7% ในปัจจุบันยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 2010-2015 ที่ 4.0%…ติดตามการประชุม BOJ และ FOMC กลางสัปดาห์นี้
แม้ Sentiment ดูดี แต่ยังไม่ประมาทหลัง SET ปรับสูงขึ้นแล้วเกือบ 180 จุดจากจุดต่ำสุด แนะนำ Let the Profit Run โดยกำหนด Trailing Stop ที่ 1,380 จุด โดยหุ้นที่คาดว่าจะ “Outperform” ได้แก่:-
1. Laggard Plays อย่างรับเหมาฯ โรงแรม: CK UNIQ CENTEL MINT
2. Turnaround Plays อย่าง HANA SGP IRPC และ ROBINS
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14มี.ค.) ว่า สภาพของตลาดหลังดัชนี SET ขึ้นมาใกล้ 1400 จุด มองว่าน่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรมากขึ้นจากนักลงทุนในประเทศ หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาจากเหตุผล 1. ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นมาเล่นใกล้ค่า P/E 14 เท่า 2. เริ่มไม่มีกลุ่มอุตสาหกรรมหนุน ขณะที่ราคาน้ำมันขึ้นได้กรอบจำกัด 3. ค่า Earning revision ratioกลับทรงๆตัว สะท้อนแนวโน้มการทำกำไรของตลาดไม่ดีขึ้น
ส่วนนักลงทุนต่างประเทศน่าจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จนกว่าผลการดำเนินงาน Q1/16 ของกลุ่มธนาคารทยอยประกาศ กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะยังมีการซื้อขายคึกคัก ยังคงเป็น พลังงานสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ที่โยงท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ทั้งสร้างบ้านและรับเหมา
โดยในกลุ่มหลังมองว่าน่าจะกลับมาคึกคักก่อนมีการประชุม กนง. ในวันที่ 23 มี.ค.สัญญาณที่เคยหนุนตลาดในช่วงที่ผ่านมา คือ Earning revision ratio ที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็กลับซึมตัวลง
วันนี้มองดัชนี SET ยังได้แรงหนุนจากการปิดของดัชนีต่างประเทศในวันศุกร์ โดยเปิดขึ้นมาดัชนีน่าจะขึ้นไปแตะ 1400+/- จุด แต่ยังยืนได้ลำบาก หากยืนได้เหนือ 1400 จุด คาดไม่นานจะหลุด โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1400-1405 จุด ส่วนแนวรับที่ 1386-1382 จุด
Technical Pick:
CBG TB; THB 38.50 – ซื้อ
VIBHA TB; THB 2.40 – ซื้อ
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) ว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาปิด +1.04 % พอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิหลัก 1.3 พัน ลบ. ส่วนต่างชาติกลับมามีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1.2 พันสัญญาและเม็ดเงินยังคงไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรต่อเนื่องอีก 1.5 หมื่น ลบ. ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากมาตรการผ่อนคลายของ ECB ส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้นเกิดใหม่ , สินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงินปรับตัวดีขึ้น สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม BOJ 14-15 มี.ค. , FOMC 15-16 มี.ค. ส่วนการประชุม ครม. สัปดาห์นี้ติดตามความคืบหน้าการลงทุนโครงรถไฟฟ้า 4 สาย
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,420 – 1,430 จุด โดยคาดยังมีแนวโน้มค่อนข้างดี มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,400 จุด แนะนำ ถือพอร์ตลงทุนและทยอยซื้อหากมีการย่อตัวลงมา โดยมีแนวรับ 1,390-1,395 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,400-1,408 จุด แนวต้านถัดไป 1,414 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร CBG, IRPC, TPIPL
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) ว่าคาดดัชนีแกว่งขึ้น แต่ไม่น่าผ่านระดับจิตวิทยา 1400 ปัจจัยบวกยังมาจากสภาพคล่องหนุนหุ้นโลก หลังธ.กลางประกาศมาตรการกระตุ้นแรงกว่าคาด ผนวกความคาดหวังว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะเพิ่มมาตรการทางการเงินในการประชุม 14-15 มี.ค. และธ.กลางสหรัฐจะส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี คงมุมมองว่า SET มีทางขึ้นจำกัดในช่วงสั้น สังเกตว่าแม้เงินบาทแข็งขึ้น 1.0% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 2.4 พันล้านบาท สะท้อน relative valuations ของ SET ที่ค่อนข้างสูงเทียบกับประเทศอื่นๆ จึงคงมุมมองตลาดไซด์เวย์ต่อ
หุ้นเด่น เก็งกำไร VIBHA/ซื้อสะสมปันผลสูง JASIF-RP
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) ว่า มีมุมมองเป็นกลางถึงบวกต่อตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ แม้อาจมี Sell on fact จากเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด แต่การที่เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยังเป็นปัจจัยบวกหลักที่จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นในระยะกลาง สำหรับวันนี้คาด SET น่าจะ sideway ตามตลาดหุ้นภูมิภาค และปัจจัยสำคัญที่จะมีผลกระทบได้แก่ ผลการประชุมเฟดและ BOJ ในวันอังคาร ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะคงดอกเบี้ยเงินฝากติดลบ 0.1% เท่าเดิม ส่วนผลประชุมเฟดในวันที่ 16-17 มี.ค. ตลาดคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ย
กลยุทธ์วันนี้: Selective BUY/สะสมหุ้นขนาดกลางและเล็ก
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: CK (เป้า 32) (laggard หุ้นกลุ่มรับเหมา)