หุ้นพื้นฐานดีที่ต้องคิดถึงอนาคตอีกเยอะ

หลังเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า JAS ไม่สามารถชำระค่าใบอนุญาตงวดแรก พร้อมกับวางแบงก์การันตีได้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


ตามกระแสโลก–

 

หลังเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า JAS ไม่สามารถชำระค่าใบอนุญาตงวดแรก พร้อมกับวางแบงก์การันตีได้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

สิ่งที่เกิดต่อจากนั้น คือ หุ้น ICT ตัวอื่นปรับตัวขึ้นรับข่าวกันอย่างน่าชื่นตาบานในวันถัดมา ไม่ว่าจะเป็น DTAC, ADVANC, INTUCH หรือว่า TRUE

ประเด็นที่อยากพูดถึงวันนี้ ผมคิดว่ามันเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ถือหุ้นหรือผู้สนใจจะซื้อหุ้นเหล่านี้ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง (โดยเฉพาะค่ายที่เพิ่งคว้าใบอนุญาต 4G เที่ยวนี้มาสดๆ ร้อนๆ)

เพราะในขณะที่เราต่างก็รู้สึกตื่นเต้นระคนยินดีกับกระแส 4G เราอาจลืมนึกไปก็ได้ว่า…

การลงทุนของ Operator เจ้าต่างๆ ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลครั้งนี้เป็นการต่อยอดเพื่อเสริมสมรรถนะด้านการแข่งขันเชิงคุณภาพในการให้บริการ เท่านั้น

พูดให้ง่ายขึ้น คือ ควักเงินมาจ่ายเพื่ออัพเกรดโครงข่ายให้ทันยุคสมัยเพื่อลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ซึ่งคำถามต่อจากนั้น มีอยู่ว่า แล้วลูกค้าใหม่ละ?

ปัจจุบันมีเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศไทยราว 93.70 ล้านเลขหมาย

เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรบวกชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย แล้วลองคิดดูนะครับว่า ฐานลูกค้าของค่ายโทรศัพท์เหล่านี้ มีรูมให้ขยายตัวได้อีกมากน้อยเพียงใด

ยอมรับครับว่า จำนวนประชากรเติบโตขึ้นทุกปี แต่คงต้องถามว่า อัตราการขยายตัวนั้นสูงมากพอจะตอบสนองอายุสัญญาของใบอนุญาต 4G ที่มีอายุเพียง 18 ปี สำหรับ 1800 MHz และ 15 ปี สำหรับ 900 MHz ได้หรือไม่ (ในแง่การคุ้มทุน) ?

“ข้อมูลล่าสุดจาก World Bank ระบุว่า Population Growth Rate ของไทยอยู่ที่ 0.3% ต่อปี”

การตั้งคำถามถึงประเด็นนี้ ผมไม่ได้สื่อว่า 4G เป็นเรื่องแย่นะครับ ตรงกันข้ามผมคิดว่า เราต้องมี…! แบบนี้ถูกต้องแล้ว และยังถือเป็นการสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคดิจิตัลอีกด้วย

แต่ประเด็นที่อยากโฟกัสเป็นหลักสำหรับวันนี้คือ อนาคตธุรกิจหรือตัวบ่งชี้ราคาหุ้นในกลุ่ม…

ซึ่งถ้าอิงจากข้อเท็จจริงข้างต้น มันทำให้คิดว่าราคา ณ ระดับปัจจุบันเป็นราคาที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไปหมดแล้วหรือเปล่า?

โดยที่คำตอบนั้น อาจมีทั้ง เป็นไปได้ และ เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือ เราไม่น่าจะได้เห็นการพัฒนาเชิงบวกที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปีต่อจากนี้

ถามว่า การพัฒนาเชิงบวกที่มีนัยสำคัญ หน้าตาเป็นยังไง? ยกตัวอย่างเลยครับ…การรุกเข้าสู่ตลาดใหม่หลังไม่สามารถขยายฐานลูกค้าในตลาดเดิมได้อีกแล้ว (อย่างเช่น Telenor และ Ooredoo บุกตลาดมือถือในเมียนมาร์)

อย่างไรก็ดี หุ้นเหล่านี้ไม่ได้แย่เลย แถมพื้นฐานก็ถือว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ เพียงแต่ข้อจำกัดของฐานลูกค้าใหม่อาจส่งผลให้การเติบโตทางธุรกิจต่อจากนี้จะเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน 

ก่อนหน้าจะมีความชัดเจนเรื่อง JAS ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตัวอื่นในกลุ่มถือว่าน่าสนใจ เพราะยังมีกิมมิคจากเรื่องดังกล่าว ซึ่งมีผลต่อราคาหุ้นอยู่เป็นอย่างมาก

แต่ ณ ขณะนี้ หรืออย่างน้อยจนกว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับกรอบระยะเวลาของการจัดประมูลใหม่ เจ้ากิมมิคประเภทอย่างว่า ก็ไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป 

โดยสิ่งที่เหลืออยู่ที่สามารถบ่งชี้ราคาหุ้นได้ตอนนี้ อาจมีแค่ปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทล้วนๆ

ถามว่า ซื้อตอนนี้เพื่อหวัง Capital Gain สูงๆ ได้หรือไม่? คงตอบได้คำเดียวว่า แล้วแต่มุมมอง!

Back to top button