SET เสี่ยงรูดต่อ หลังเจอมรสุมกดดันคัด 4 หุ้น Laggard-มีปัจจัยบวกหนุน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังมีน้ำหนักเป็นลบจากกลุ่มธนาคารที่คาดมีความกังวลต่อผลประกอบการในไตรมาส 1/59 ที่ถูกกดดันจากปัญหา NPL’s และผลจากการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงขณะที่มองว่าภาวะตลาดหุ้นน่าจะซบเซาก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว แนะนำซื้อหุ้นที่ราคายัง laggard อีกทั้งหุ้นกลุ่มสินเชื่อที่ได้รับประโยชน์หลังจากธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.08 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.16 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีน้ำหนักเป็นลบจากกลุ่มธนาคารที่คาดมีความกังวลต่อผลประกอบการในไตรมาส 1/59 ที่ถูกกดดันจากปัญหา NPL’s และผลจากการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงขณะที่มองว่าภาวะตลาดหุ้นน่าจะซบเซาก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว แนะนำซื้อหุ้นที่ราคายัง Laggard อีกทั้งหุ้นกลุ่มสินเชื่อที่ได้รับประโยชน์หลังจากธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
หุ้นเด่นเลือก SPRC-SAWAD-MTLS และ CPALL
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) คาดดัชนีมีโอกาสลดลง แต่คาดอาจอยู่ในกรอบแคบ หลังตลาดฯ บ้านเราลดลงแรงต่อเนื่อง 2 วันติดกัน ขณะที่ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก จากรายงานการประชุมที่สอดคล้องกันทั้งเฟดและ ECB ทำให้คาดธนาคารกลางดังกล่าว ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังมีน้ำหนักเป็นลบ (1) กลุ่มธนาคารที่คาดมีความกังวลต่อผลประกอบการในไตรมาส 1/59 ที่ถูกกดดันจากปัญหา NPL’s และผลจากการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง คาดส่งผลต่อ Net Interest Margin(NIM) และ (2) Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติ ต่อเนื่องอีกกว่า2,800 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล คาดนักลงทุนอาจเริ่มลดความเสี่ยง และคาดมูลค่าการซื้อขายอาจเบาบางลงหุ้นแนะนำ : SPRC
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) ว่ายังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ ภาวะตลาดหุ้นน่าจะซบเซาก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว SET น่าจะ sideways down เนื่องจากปัจจัยในเชิงลบยังคงกดดันในหุ้นกลุ่มหลักแม้ราคาหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะปรับลงมามากแล้วอย่าง กลุ่มแบงก์ที่คาดว่าผลกำไรไตรมาส 1/59 จะออกมาแย่จาก NPL พุ่งและตั้งสำรองเพิ่ม กลุ่มสื่อสารยังไม่มีความชัดเจนกรณี AIS เสนอจ่ายค่าใบอนุญาต 4G
ขณะที่กลุ่มพลังงานน่าจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะๆ เพื่อลดความเสี่ยงหากการประชุมเพื่อร่วมมือตึงกำลังผลิตของผู้ผลิตน้ำมันคว้าน้ำเหลว ดังนั้นจึงเชื่อว่าหุ้นกลุ่ม Defensive stock น่าจะ Outperform ตลาดอย่างหุ้นที่อยู่ใน Top picks เป็นต้น
กลยุทธ์วันนี้: Selective BUY/ ซื้อเมื่ออ่อนตัวหุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: SAWAD ,MTLS (ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยต่ำ)หุ้นที่ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : ท่องเที่ยว โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย และ รับเหมาก่อสร้าง
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) คาด SET ยังคงลงต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลัง FOMC เผยว่าข้อมูลแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมอง Fed มีมุมมอง dovish มากเกินไป และกระทบต่อ sentiment ของนักลงทุนที่มองโอกาสขึ้นดอกเบี้ยจำกัดมากๆในปีนี้ แม้จะมองว่าการกระทบเชิง sentiment นี้จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไม่นาน แต่ทางเทคนิค หาก SET หลุด 1,345-50 จุด ลงมา มีโอกาสกลับไปที่แนวรับบริเวณ 1,320 จุด
ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “เลือกซื้อ” หุ้นที่มีความเสี่ยงจำกัด และมี theme พร้อมปรับตัวขึ้นไปกับการรีบาวด์ของ SET คาดระยะกลาง SET ยังคงสามารถกลับไปเหนือ 1,400 จุดได้ ด้วยสภาพคล่องยังคงสูง แนะนำ“เลือกซื้อ” หุ้นที่มี downside จำกัด และมีปัจจัยหนุนที่ชัดเจน
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) ว่าดัชนี SET ไม่สามารถยืนบริเวณแนวรับสำคัญ 1,370 จุดได้ ส่งผลให้โมเมนตัมดัชนีเปลี่ยนเป็นทิศทางลบ โดยดัชนีมีแนวรับระยะสั้น 1,340-1,350 จุด ซึ่งหากปรับตัวลดลงมาที่ระดับดังกล่าว แนะนำซื้อเก็งกำไรหวังการดีดกลับระยะสั้น โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,370 จุด
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) โดยคาดว่าวันนี้ตลาดเปิดมาจะมีการปรับลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลดลงแรงจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยคาดว่าดัชนีจะปรับตัวลงต่อไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,350 จุด แล้วน่าจะมีแรงซื้อกลับในระยะสั้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในยามที่ตลาดผันผวนเป็นขาลงยังแนะนำให้ขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ต่อจากผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะชะลอตัวลงบวกกับการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงก็จะส่งผลลบต่อความสามารถในการทำกำไรในอนาคตด้วย ในขณะที่กลุ่มพลังงานคาดว่าจะรีบาวด์ได้ไม่ไกลเนื่องจากเชื่อว่าการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. จะออกมาสร้างความผิดหวังให้กับตลาดและน้ำมันจะปรับลดลงไปต่ำกว่า 35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดังนั้นหากกลุ่มพลังงานปรับขึ้นมาแนะนำ ทยอยขายทำกำไรระยะสั้น ส่วนกลุ่มสื่อสาร (ICT) อย่าง ADVANC INTUCH คาดว่าจะมีการรีบาวด์กลับในวันนี้ หลังราคาปรับลดลงมากจนอัตราเงินปันผลกลับมาสูงที่ 5.8-6.4% ในขณะที่กลุ่มที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้อีกกลุ่มจะเป็นกลุ่มสินเชื่อที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง (ส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้ต่ำลงในขณะที่เศรษฐกิจแย่ก็จะมีคนมาใช้บริการสินเชื่อจำนำรถเพิ่มขึ้นก็จะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้กับบริษัท) อย่าง SAWAD MTLS (ราคาเป้าหมาย 58 บาทและ 21 บาท)
ขณะที่หุ้นที่ยังคง laggard หุ้นในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL (ราคาหุ้น CPALL +4.1% ใน 2เดือน ในขณะที่กลุ่มค้าปลีก +7.6%) ก็น่าสนใจโดยราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ต่ำเพียง23.8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 27 เท่าและกลุ่มค้าปลีกที่ 27.2 เท่า โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 51 บาท วันนี้ให้แนวรับที่ 1,343-1,350 และแนวต้านที่ 1,360-1,365 จุด