จัดทัพ 25 หุ้นร้อน เน้นกำไร Q1 โตปัจจัยต่างประเทศดัน SET บวกต่อ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นต่อโดยได้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง การลงทุนเน้นดลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/59 ออกมาดี และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.97 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกถ้วนหน้าในวันนี้ ขานรับราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นต่อโดยได้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง การลงทุนเน้นดลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/59 ออกมาดี และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น

หุ้นเด่นเลือก SAWAD-KTC-CPNRF-DIF-AOT-BEAUTY-CHG-IRPC-SCC-CK-STEC-UNIQ-RS-LPH-BCH-BBL-AAV-LHBANK-WICE-VIH-EPG-STA-ASEFA-NWR และ UWC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 เม.ย.) ว่า Downside Risk จากแรงขายกลุ่มพลังงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และ SET ยังสามารถยืนได้เหนือ 1,380 จุด ยืนยัน “จบรอบ” พักฐาน และคงเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,430-1,460 จุด เหมือนเดิม ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) Bond Yield ต่ำ และสภาพคล่องตลาดเงิน-ทุนโลกสูงหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง (ดูรายงาน T-Wealth เดือน เม.ย.เพิ่ม) ต่อเนื่อง 2) คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ในเดือน ส.ค.นี้ 3) สถิติในอดีต 4 ใน 5 ปีที่ผ่านมา SET ให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” หลังสงกรานต์ และ 4) น้ำมันฟื้นตัว ช่วงปลายตลาดหนุนกลุ่มพลังงาน

แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาด อย่าง

1) กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยต่ำ: SAWAD KTC CPNRF DIF

2) กำไร 1/59 ออกมาดี: AOT BEAUTY CHG IRPC

3) เร่งประมูลโครงสร้างพื้นฐาน: SCC CK STEC UNIQ

4) Consensus ปรับกำไรขึ้น: RS LPH BCH

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 เม.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทย ปัจจัยต่างประเทศที่พลิกมาอีกด้านหนึ่ง คือ ราคาน้ำมันสูงขึ้น เงินเยนอ่อนค่า และตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัวแม้จะมาจากเป็นช่วงการรายงานผลประกอบการซึ่งเป็นปัจจัยเฉพาะตัวก็ตาม แต่จะส่งผลบวกมาถึงตลาดหุ้นไทยในวันนี้ด้วย

อีกทั้ง การกลับเข้ามาซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ (net buy หุ้น 1.7 พันล้านบาท ; SET50 futures +14061 สัญญา) และการที่นักลงทุนกลุ่มอื่นๆที่ชะลอการลงทุนไปก่อนวันหยุดสงกรานต์ คาดจะเป็นปัจจัยในประเทศที่จะช่วยหนุนให้ดัชนีฯในวันนี้ ให้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อ

ปัจจัยที่จะมีผลต่อการซื้อขายในระหว่างวัน คือ การประชุม ครม. ซึ่งจะมีการพิจารณาโครงสร้างภาษีและมาตรการช่วยเหลือต่างๆของภาครัฐฯ และทิศทางราคาน้ำมันดิบ

กลยุทธ์การลงทุน การลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำลง เป็นสัญญาณในทางบวกต่อตลาดหุ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนดัชนีฯยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อ เพื่อทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,400 จุด การเข้าลงทุนในช่วงนี้ ยังคงกระจุกในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศและสภาบัน ได้แก่ กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ กลุ่มที่อิงท่องเที่ยวและสายการบิน และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตปิโตรเคมี ที่ได้อานิสงค์จากเงินดอลล่าร์ที่ยังคงอ่อนค่า  นอกจากนี้ หุ้นที่มีการคาดการณ์ในเรื่องผลการดำเนินงาน Q1 ที่จะออกมาดี จะเป็นหุ้นอีกกลุ่มที่มีโอกาสเดินหน้าต่อ

ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในวันนี้  อาทิ BBL, AAV, LHBANK และ WICE

Stock in Focus: VIH

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 เม.ย.) ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ หลังราคาน้ำมันบวกขึ้นโดดเด่นจากประเด็นการประท้วงของกลุ่มแรงงานในประเทศคูเวต ทำให้มีความหวังว่า Supply จะลดลงชั่วคราว นอกจากนี้ ตลาดไทยจะได้ sentiment บวกจากการที่ตลาดในภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกในวันนี้ จากการคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม เราคงคำแนะนำทยอยขายทำกำไรเมื่อดัชนียืนเหนือ 1400 จุด เนื่องจาก upside ของ SET Index เริ่มมีจำกัด

แนวรับ/แนวต้าน: 1,380/1,410 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

กลยุทธ์: หาจังหวะซื้อเมื่อดัชนีย่อลง เก็บสะสมหุ้นที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว และคาดจะรายงานงบออกมาดีในปีนี้

หุ้นแนะนำ

EPG target 16 (Theme ผลประกอบการรายงานออกมาดี)

STA target 14 (Theme ราคายางฟื้นตัว)

ASEFA target 7 (Theme การประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (19 เม.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค กราฟล่าสุดแสดงภาพการแกว่งตัวเป็นลักษณะ Sideway ถึงแม้จะดีดขึ้นมาแรง แต่วอลุ่มยังไม่หนาแน่นมากนัก ทำให้ภาพของระยะสั้นยังมีโอกาสแกว่งเป็นลักษณะ Sideway โดยอาจยังเคลื่อนไหวสลับขึ้น-ลงที่ MA 25 และ MA10 อีก 4-5 วันเป็นอย่างน้อยให้ภาพ SET แกว่งตัวในระยะสั้น แต่ภาพใหญ่ของ SET หากมองในแง่ของแพทเทินยังให่ภาพขาขึ้นในระยะกลาง

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,390-1,400

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร NWR และ UWC

Back to top button