SETบ่ายยืนแดนบวกแนวต้าน 1,440โบรกฯแนะสอยหุ้น 3 กลุ่ม 9 ตัวแจ่ม

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะยืนในแดนบวกได้ต่อ โดยมีแนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,440 จุด โบรกฯแนะสอยหุ้น 3 กลุ่ม 9 ตัวแจ่ม


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (21เม.ย.)ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกหลังราคาน้ำมันขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานขึ้นตามมาหนุนดัชนีฯดีดตัวกว่า 5 จุด พร้อมให้ติดตามการประชุม ECB ในวันนี้ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะยืนในแดนบวกได้ต่อ โดยมีแนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,440 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกหลังราคาน้ำมันขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานขึ้นตามมาหนุนดัชนีฯดีดตัวกว่า 5 จุด พร้อมให้ติดตามการประชุม ECB ในวันนี้ แม้คาดตลาดฯ คงเป็นลักษณะ Wait & See เพื่อรอดูสถานการณ์มากกว่า

ส่วนปัจจัยในประเทศตอนนี้ก็เป็นช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/59 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งการกลุ่มแบงก่ส่วนใหญ่ที่ประกาศออกมาแล้วก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ แต่ก็ยังห่วงตัวเลข NPL ที่สูงขึ้น และ NIM ก็อาจโดนกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง

อย่างไรก็ดี ให้ติดตาม Flow ในตลาดล่วงหน้าที่ยังแข็งแกร่ง เชื่อว่าจะช่วยประคองตลาดฯ ไว้ได้ โดยถ้ายังมีการทำ long ตลาดฯก็ยังปรับตัวลงได้ยาก ซึ่งมีการทำ long ช่วง 1-2 สัปดาห์นี้

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะยืนในแดนบวกได้ต่อ โดยมีแนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,440 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 เม.ย.) ว่า การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มพลังงานปรับสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด และทำให้ SET ทำสูงสุดใหม่ตั้งแต่เปิดตลาด โดยยังมองว่ากระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง เนื่องจาก Bond Yield ที่ต่ำ จะเป็นปัจจัยหนุนการปรับสูงขึ้นของ SET ต่อไปในระยะสัปดาห์ ด้วยเป้าหมาย 1,430-1,460 จุด

โดยยังชอบกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ (SAWAD DIF KTC) กลุ่มรับเหมาฯ ที่ยัง Laggard ตลาดมาก (UNIQ SEAFCO CK) และกลุ่มที่คาดการณ์กำไรจะออกมาดี (AOT BEAUTY IRPC)

แม้การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มพลังงาน แต่ราคาน้ำมันในปัจจุบันยังต่ำกว่าสมมติฐานราคาน้ำมันของเราที่ US$45/bbl อยู่ดี และราคาหุ้นใหญ่อย่าง PTT และ PTTEP สูงกว่าเป้าหมายทางพื้นฐานไปแล้ว ทำให้เราแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มพลังงานขนาดเล็กอย่าง SGP ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 18.60 บาท

จาก 1) แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสl 1/59 อาจไม่ดีนัก เนื่องจากการปรับลดลงของราคาก๊าซ LPG ทำให้มีการบันทึกขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในจีน แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2) ธุรกิจก๊าซ LPG ในประเทศจีนยังมีการเติบโตสูง จากการเพิ่มขึ้นของโรงงาน PDH ในช่วงปี 58-60

3) High Growth ด้วยแนวโน้มการเติบโตกำไร 60% ปีนี้ ที่ 1.85 พันล้านบาท ทำให้แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาแล้วตั้งแต่ต้นปี แต่ยังมี PE ต่ำเพียง 6x เท่านั้น และ PBV ที่ 1.09x ต่ำเกือบที่สุดตั้งแต่เริ่มซื้อขาย (ต่ำสุดที่ 0.93x) 4) ธุรกิจก๊าซในประเทศยังสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ แต่มี Upside Risk จากการเปิดเสรีนำเข้า LPG ในปีหน้า และ 5) เมื่อพิจารณาในทางเทคนิคราคาทำจุดสูงสุดใหม่ของปี ทดสอบแนวต้านแรกที่ 12.20-12.4 บาท และถัดไปที่ 13.0 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,768.25 ล้านบาท ปิดที่ 314.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,563.59 ล้านบาท ปิดที่ 74.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,525.64 ล้านบาท ปิดที่ 165.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,220.67 ล้านบาท ปิดที่   4.36 บาท ลดลง   0.02 บาท

IRPC มูลค่าการซื้อขาย   955.36 ล้านบาท ปิดที่   5.10 บาท ลดลง   0.10 บาท

 

Back to top button