SET แกว่งแคบ-รอผลประชุมเฟดเกาะติด 20 หุ้นเด็ดเก็งกำไร Q1 หรู
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบ นักลงทุนยังรอผลการประชุม FOMC วันที่ 27 เม.ย.และ BOJ วันที่ 28 เม.ย.นี้ ขณะที่ตลาดเข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดฟื้นตัวช่วงสั้นได้
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.01 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.14 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 เม.ย. รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 28 เม.ย.นี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบ นักลงทุนยังรอผลการประชุม FOMC วันที่ 27 เม.ย.และ BOJ วันที่ 28 เม.ย.นี้ ขณะที่ตลาดเข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดฟื้นตัวช่วงสั้นได้
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือกกลุ่มที่เก็งผลประกอบออกมาดี อาทิ BEAUTY, IRPC, EVER , SEAFCO, SYMC, TVD, ASEFA, COM7, SAWAD, MTLS, BDMS, VIBHA, CHG, AOT, MINT,CPF, MALEE, TKN, BIG,EPG
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 เม.ย.) ว่า SET ผันผวนบ้างหลังปรับสูงขึ้นแรงตั้งแต่หลังสงกรานต์ ไม่ได้ทำให้มุมมองการปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ที่เป้าหมาย 1,430-1,460 จุด เปลี่ยนแปลงไป โดยมองปัจจัยบวกระยะสั้นจาก 1) การประชุม FOMC วันที่ 26-27 เม.ย.นี้ จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย และตลาดมองโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.ต่ำเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ Bond Yield ย่อตัวลงอีกครั้ง 2) BOJ มีแนวโน้มออกมาตรการเพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเหตุแผ่นดินไหวกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทำอะไรดี: เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงาน 1Q16 ของ Real Sector อย่างเต็มตัวแล้ว แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรผลการดำเนินงาน 1Q16 ออกมาดี ขณะที่รายงาน Pathumwan Corner: Trade CODE+ มองกลุ่มรับเหมาฯ มี Valuation “ถูก” และ Momentum “ดี”
1) กำไร 1Q16 แข็งแกร่ง: AOT BEAUTY SAWAD IRPC
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 เม.ย.) ว่า คาด SET วันนี้แกว่ง/ลบแคบๆ คาดฟันด์โฟลว์ชะลอในช่วงสั้น หลังตลาดการเงินรอดูผลประชุม ธ.กลางสหรัฐ 27 เม.ย.และธ.กลางญี่ปุ่น 28 เม.ย. ดัชนีเงินดอลล่าร์ +0.4% เมื่อวันศุกร์และดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนอาจส่งผลให้เงินบาทอ่อนเล็กน้อย ด้านตลาดน้ำมันสหรัฐ -1.5% เช้านี้ หลัง IEA ออกรายงานช่วงสุดสัปดาห์ว่ารัสเซียและซาอุ น่าจะเดินผลิตน้ำมันต่อไปก่อน หลังจากการประชุม OPEC ที่โดฮาไม่มีข้อสรุป โดยภาพรวมคาด SET จะแกว่งแคบในช่วงต้นสัปดาห์เพื่อรอปัจจัยภายนอกดังกล่าวข้างต้น
หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร TVD-ASEFA-COM7
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์(25 เม.ย.) ว่า ทิศทางดัชนี SET เมื่อขึ้นมายืนเหนือ 1400 จุดได้สำเร็จ แนวโน้มต่อไปจะเป็นอย่างไร ในช่วงสัปดาห์นี้ มองว่าทิศทางดัชนีจะเต็มไปด้วยความผันผวน ที่เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค ดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ ผลการดำเนินงานและ ราคาน้ำมัน โดยประเด็นที่กล่าวมา มองว่าจะมีแนวโน้มในเชิงลบกับตลาดมากกว่าในเชิงบวก
ส่วนประเด็นภายใน คือ หุ้นที่ดันตลาดมาโดยตลอดอย่าง พลังงาน หลายๆตัวระดับราคาขึ้นมาที่เป้าเฉลี่ยกลาง อย่าง PTT PTTEP และ TOP ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารหลังผลการดำเนินงานทยอยประกาศ เริ่มอ่อนตัวลง ปัจจัยภายในที่อาจส่งผลด้านบวกกับดัชนีในช่วงสั้นๆ คือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ อย่างส่งออกและนำเข้า ซึ่งคาดกันว่าจะออกมาในเชิงบวกในเดือนมี.ค. แต่คงเป็นช่วงสั้นๆ วันนี้มองดัชนี SET น่าจะแกว่งในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบจนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1415-1420 จุด ส่วนแนวรับที่1405-1400 จุด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (25 เม.ย.) ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิด -0.92% ต่างชาติและพอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ขายสุทธิหลัก แต่ต่างชาติยังก็คงมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 2.9 พันสัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2.9 พัน ลบ. โดยแรงขายจะอยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลังจากผลประกอบการ Q1/59 ชะลอตัวจากภาระกันสำรองหนี้ ประกอบกับสัปดาห์นี้นักลงทุนยังรอผลการประชุม FOMC วันที่ 27 เม.ย.และ BOJ วันที่ 28 เม.ย.นี้
กลยุทธ์การลงทุน วางจุด Trailer Stop Loss ไว้ที่ 1,400 – 1,410 จุด โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,430 จุด แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น EVER ,SEAFCO,SYMC ที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (25 เม.ย.) ว่า ยังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ SET น่าจะ Sideways ตามตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่รอผลประชุมเฟดในวันที่ 27 เม.ย. แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า SET ไม่น่าจะหลุด 1,400 จุด จากสภาพคล่องในระดับสูงและคาดรายงานตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค ตลาดคาดหดตัว 5% จากส่งออกรถยนต์ที่ลดลงในเดือนมี.ค เทียบกับส่งออกเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 10.27% (ส่วนใหญ่เป็นส่งออกทองคำ)ขณะที่ดร.สมคิด รองนายกฯ คาดว่าจะบวก 9% ซึ่งน่าจะเป็นไปได้หากมีการส่งออกทองคำเพิ่มในช่วงที่บาทแข็ง
อย่างไรก็ตามตลาดน่าจะรับรู้ตัวเลขนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มหลักน่าจะ Sideways ดังนั้นจึงเน้นเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q16 ออกมาดี ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อรายย่อย (SAWAD MTLS) ได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ,กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS VIBHA CHG) จากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและมีการขยายสาขา กลุ่มท่องเที่ยว (AOT MINT) จำนวนนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง,กลุ่มอาหาร CPF ได้อานิสงส์ราคาหมู ไก่ กุ้ง ฟื้นตัว และ MALEE TKN ได้ยอดส่งออกเพิ่ม, กลุ่มพลังงานฟื้นตัวแต่ยังไม่มากเพราะราคาน้ำมันดิบทรงตัว และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและกำไรโดดเด่นอาทิ BIG และ EPG