SET พักฐาน วอลุ่มเบาบางก่อนหยุดยาวดักเก็บหุ้นมีแนวโน้ม Outperform ตลาด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเสี่ยงพักฐาน หลังจีดีพีสหรัฐชะลอตัว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนแอ อีกทั้งเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาว โดยคาด SET จะปรับตัวลง สลับมีแรงซื้อขึ้นแต่ไม่น่าจะไหว วันนี้มองแนวรับที่ 1,390-1,385 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,404-1,408 จุด ทั้งนี้จากสถิติในอดีตหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม ค้าปลีก และ Asset Fund มีโอกาส Outperform ตลาดในเดือน พ.ค.มากที่สุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.19 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.91 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของจีดีพีสหรัฐในช่วงไตรมาสแรก
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเสี่ยงพักฐาน หลังจีดีพีสหรัฐชะลอตัว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนแอ อีกทั้งเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาว โดยคาด SET จะปรับตัวลง สลับมีแรงซื้อขึ้นแต่ไม่น่าจะไหว วันนี้มองแนวรับที่ 1,390-1,385 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,404-1,408 จุด ทั้งนี้จากสถิติในอดีตหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม ค้าปลีก และ Asset Fund มีโอกาส Outperform ตลาดในเดือน พ.ค.มากที่สุด
หุ้นเด่นเลือก CENTEL ,MINT ,BH ,CPALL ,CPNRF ,DIF และ JAS
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 เม.ย.) ว่า SET วานนี้อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังนักลงทุนวิหวัง BOJ ไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม และการปรับลดลงของ Dow Jones 1.17% ทำให้การ Rebound ของ SET จำกัด รวมไปถึง 1) นักลงทุนชะลอการซื้อในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหยุดยาวปลายสัปดาห์หน้า และ 2) ความเสี่ยงจาก “Sell in May and go away” ที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ SET จะให้ผลตอบแทนเป็น “ลบ” สูงถึง 60%
ส่งผลให้ SET มีโอกาส “พักฐาน” ก่อนที่จะปรับสูงขึ้นไปที่เป้าหมายระยะสัปดาห์บริเวณ 1,430-1,460 จุด
โดยจากสถิติในอดีตหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม ค้าปลีก และ Asset Fund มีโอกาส Outperform ตลาดในเดือน พ.ค.มากที่สุด ขณะที่ราคาหุ้นหลายๆ ตัวในกลุ่มดังกล่าวปรับลดลงใกล้แนวรับ แนะนำ “ซื้อ” CENTEL (รับ 38/36 บาท) MINT (รับ 36 บาท) BH (รับ 98 บาท) CPALL (รับ 44.75) CPNRF (รับ 19.5-19.7 บาท) DIF (รับ 14.6-14.7 บาท)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 เม.ย.) โดยมองว่าแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ น่าจะผันผวนตามตลาดหุ้นภูมิภาค เชื่อว่าโมเมนตัมเชิงลบหลังนักลงทุนผิดหวังที่ BOJ ไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมยังกระทบตลาดหุ้นบ้าง (ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้) เนื่องจากนักลงทุนกระหายเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตามค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่าต่อเนื่องหลังสหรัฐรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด จะส่งผลบวกต่อ Fund Flow ที่อาจจะยังไหลเข้ามาอีก เพราะเฟดชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยหรืออาจมีเพียงครั้งเดียวในช่วงปลายปีหรือไม่มีก็เป็นได้
ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับลงแรงเมื่อคืนที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเพราะรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐโดยรวมต่ำกว่าคาดและชะลอตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน
ส่วนประเด็น BOJ มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นสหรัฐไม่มากและดัชนีดาวโจนส์หลุด 18,000 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยผู้ขายหลักไม่ใช่กองทุนหรือต่างชาติ ดังนั้นการปรับลงรอบนี้จึงมี downside จำกัด สภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับสูงดังนั้นการปรับลงของ SET จึงเป็นโอกาสะสมหุ้นรอบใหม่ อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มแบงก์อาจปรับลงต่อหลัง KBANK ปรับลดเป้าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลงและตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สูญเพิ่ม
กลยุทธ์วันนี้: Selective BUY/ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น JAS (วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติการซื้อหุ้นคืนที่ราคา 5 บาท วงเงิน 6 พันล้านบาท) สำหรับธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ท่องเที่ยว โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย และรับเหมาก่อสร้าง
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 เม.ย.) โดยปกติในช่วงเดือน พ.ค. ถึง มิ.ย. ใน 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ มักจะปรับตัวลงในช่วงเวลาดังกล่าว ปีนี้หากยังย้อนสถิติเดิม ก็มีความเป็นไปได้ ที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ จะปรับฐาน นอกจากผลทางสถิติแล้ว ในทางพื้นฐานเอง ก็กำลังบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นกำลังจะไปไม่ไหว
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยเองก็คล้ายๆ กันคือ ดัชนีขึ้นมาเล่นในกรอบสูง แต่ไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา จึงมีความเป็นไปได้ที่ดัชนี SET จะต้องเผชิญแรงขายจากนักลงทุน ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่เคยหนุนตลาด อย่าง กลุ่มที่โยงกับการท่องเที่ยวและพลังงาน ดูเหมือนจะเริ่มค่อยๆมีแรงขายออกมาหลังกำลังหมดช่วงฤดูกาล
ขณะที่ราคาน้ำมันแม้จะขึ้นไปถึง 47.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่หุ้นพลังงานหลักกลับไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะมาจากการรับข่าว โดยปัจจุบันตลาดหุ้นไทย (MSCI Thailand) กำลังขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าสูงสุดในรอบ 10 ปี หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ คาดกันว่าดัชนีต้องปรับตัวลงมาเล่นในค่า P/E ที่ต่ำกว่านี้ วันนี้เรามองดัชนี SET จะเผชิญกับความผันผวนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลง
นอกจากนั้นดัชนียังมีแรงกดจากการเข้าสู่ช่วงหยุดยาวที่นักลงทุนอาจลดความเสี่ยง โดยวันนี้เปิดขึ้นมาดัชนี SET จะปรับตัวลง สลับมีแรงซื้อขึ้นแต่ไม่น่าจะไหว วันนี้มองแนวรับที่ 1,390-1,385 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,404-1,408 จุด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 เม.ย.) ว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิด -0.84% ปริมาณการซื้อขายยังชะลอตัวอยู่ที่ 3.9 หมื่น ลบ.พอร์ตโบรกเกอร์และต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิหลักในตลาดหุ้น
ส่วนต่างชาติกลับมามีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 6.5 พันสัญญา แต่ในตลาดพันธบัตรต่างชาติวานนี้ขายสุทธิสูงสุด 1.16 หมื่น ลบ.สะท้อนการล็อคส่วนต่างกำไรหลังจากเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง บรรยากาศการซื้อขายวานนี้ตลาดผิดหวังจากการคงมาตรการของ BOJ ส่งผลให้ Fund Flow จากการเพิ่มขึ้นของ Yen Carry Trade ยังไม่เกิดขึ้น วันนี้ติดตาม ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจการเงิน เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังวางจุด Trailer Stop Loss ไว้ที่ 1,400 +/- จุด หากดัชนียืนไม่ได้ แนะนำลดการเก็งกำไรระยะสั้น และ Wait & See เพื่อรอประเมินปัจจัยใหม่ในสัปดาห์หน้า