ชง 13 บจ.เด็ด เทรนด์กำไรดีSET เสี่ยงย่อตัวก่อนหยุดยาว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มย่อตัวเล็กน้อยก่อนหยุดยาวหลังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาสนับสนุน ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติ การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกออกมาดี ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2/59 หรือเก็งกำไรสั้นในกลุ่มที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวอย่างหุ้นใหญ่ในกลุ่มสื่อสาร


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.07 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.67 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ในรายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะเงินเยนอ่อนค่า

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มย่อตัวเล็กน้อยก่อนหยุดยาวหลังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาสนับสนุน ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติ การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกออกมาดี ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2/59 หรือเก็งกำไรสั้นในกลุ่มที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวอย่างหุ้นใหญ่ในกลุ่มสื่อสาร

หุ้นเด่นเลือก ADVANC-INTUCH-SCC-CPF-GLOBAL-KKP-SGP-KCE-BCP-BDMS-KTC-TASCO และ ERW

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ค.) ว่า SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแคบวันนี้ก่อนหยุดยาว แต่คงมุมมองบวกระยะสัปดาห์ต่อไปด้วยเป้าหมาย 1,430-1,460 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) เศรษฐกิจขยายตัวดีกว่าคาดในไตรมาส 1/59 และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2) นักวิเคราะห์ (Consensus) น่าจะเริ่มมีการปรับประมาณการกำไรขึ้น หลังกำไรในไตรมาส 1/59 ไม่ได้แย่อย่างที่กังวล และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้นเป็น Upside Risk ต่อประมาณการ และ 3) แม้ Bond Yield 10 ปี จะปรับสูงขึ้นที่ 2.0% แต่ Earnings Yield Gap ที่ 4.8% ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 4.0%

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นหลัก เป้าหมายดัชนีระยะสัปดาห์ 1,430-1,460 จุด ต่อเนื่องในกลุ่มหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ออกมาดี และมี Earnings Upgrade Momentum: SCC, CPF (ธุรกิจฟื้นตัวชัดเจน กำไรไตรมาส 2-3/59 เร่งตัวขึ้นไปอีก), GLOBAL (กำไรเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า Sale Store Sale โตดีในเดือน เม.ย.), KKP, SGP (กำไรไตรมาส 1/59 เป็นจุดต่ำสุดของปี PE ยังต่ำที่ 6.5 เท่า) และ KCE

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ค.) ประเมินดัชนีวันนี้จะมีการย่อตัวลงมาบ้าง กลยุทธ์การลงทุน หากยืนเหนือแนวรับ 1,390 จุดได้ แนะนำทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัวและขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน โดยมีแนวรับ 1,390-1,400 จุด แนวต้านที่ 1,410-1,420 จุด แนะนำ เก็งกำไรสั้นๆ ในหุ้นกลุ่มที่ตลาดสนใจ ADVANC INTUCH โดยหากไม่ยื่นประมูลราคามีโอกาสตอบรับเชิงบวกมากกว่า

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวลง จากการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ สนับสนุนตลาด อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงเล็กน้อย และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมเดือน มิ.ย. 2559 อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต

แนวรับ/แนวต้าน : 1390/1410 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

กลยุทธ์: หาจังหวะซื้อเมื่อดัชนีย่อลง เก็บสะสมหุ้นที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว และคาดจะรายงานงบออกมาดีในปีนี้

หุ้นแนะนำ: TASCO (38), ERW (5.3), KCE (91)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ค.) มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้ SET น่าจะ Sideways เนื่องจากมีปัจจัยทั้งบวกและลบผสมผสานกัน แม้รายงานการประชุมเฟดเดือนเม.ย. จะยังคงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดีต่อเนื่อง ส่งผลสำรวจโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ CME Group ในการประชุมเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 34% จาก 15% เมื่อวันก่อนและก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 4% แต่ตลาดและเรายังเชื่อว่าโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยในประชุมเฟดเดือนมิ.ย.ยังมีน้อย ดังนั้นตลาดหุ้นไม่น่าจะมีการปรับฐาน

อย่างไรก็ตามหากค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องก็เป็นปัจจัยกดดันตลาดต่อเนื่องในวันนี้เช่นกัน นอกจากนี้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะได้ผลบวกจากความคาดหวังว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้น่าจะโตเกิน 3% หากมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงไตรมาส 2-3 กว่าแสนล้านบาท

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: BCP, BDMS, KTC

Back to top button