เคาะ 9 หุ้น Outperform ตลาดSET ไซด์เวย์รอปัจจัยใหม่ชี้นำ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในรูปแบบ Sideways เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่หนุนนำ และมีแนวโน้มซึมลงหลังดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคและสหรัฐฯปรับตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงตัว การลงทุนแนะนำหุ้นขนาดเล็กซึ่งมีโอกาสในการเข้าเก็งกำไรในช่วงทีดัชนี Sideways และกลุ่มที่มีแนวโน้ม Outperform ตลาด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.12 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.33 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังเงินเยนแข็งค่าฉุดหุ้นส่งออกญี่ปุ่นร่วง ขณะเดียวกันนักลงทุนยังวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่นาน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในรูปแบบ Sideways เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่หนุนนำ และมีแนวโน้มซึมลงหลังดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคและสหรัฐฯปรับตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงตัว การลงทุนแนะนำหุ้นขนาดเล็กซึ่งมีโอกาสในการเข้าเก็งกำไรในช่วงทีดัชนี Sideways และกลุ่มที่มีแนวโน้ม Outperform ตลาด หุ้นเด่นเลือก AOT-CPF-GLOBAL-JAS-THAI-BDMS-VIBHA-EA และ GUNKUL
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) ว่า Technical Rebound ที่แนวรับ 1,380 จุด หลัง Bond Yield เริ่มนิ่ง โดยตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ และถ้อยแถลงของประธาน Fed ปลายสัปดาห์นี้ โดยการเข้าซื้อช่วงนี้ ประเมินกรอบเคลื่อนไหวในช่วงการ “พักฐาน” ของ SET ที่ 1,372/1,380-1,392/1,400 จุด
กลุ่มหุ้นที่มี Momentum ในการปรับประมาณการกำไรขึ้น และมูลค่าพื้นฐานขึ้น คาดว่าจะมีแนวโน้ม Outperform ตลาด ได้แก่
1) AOT “ซื้อ” พื้นฐาน 460.00 บาท รายได้ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดสนามบินดอนเมือง Terminal 2 ขณะที่จำนวนผู้โดยสาร +12.8% จากปีก่อน ในครึ่งปีแรกของปี 59 ทางเทคนิคเริ่มมีสัญญาณ “ฟื้นตัว” แนวต้าน 406.00 บาท
2) CPF “ซื้อ” พื้นฐาน 33.00 บาท ธุรกิจกุ้งฟื้นตัว ราคาหมูปรับสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศมีกำไรดีขึ้น คาดกำไรไตรมาส 2-3 เติบโตเด่นจช่วงเดียวกันในปีก่อน และไตรมาสก่อน คาดกำไรทั้งปีทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1.7 หมื่นล้าน +80% จากปีก่อน
3) GLOBAL “ซื้อ” พื้นฐาน 13.60 บาท กำไรดีกว่าคาด ขณะที่ SSS ที่เติบโต และการขยายสาขาหนุนกำไรเติบโตเฉลี่ย 30% ในปี 59-61
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) ว่า SET วันนี้จะยังมีแนวโน้มซึมลงหลังดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงๆ ตัว มองวันนี้มีแนวรับที่ 1,376-1,372 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,385-1,389 จุด หุ้นที่แนะนำ ซื้อเก็งกำไร คือ BDMS และ JAS
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) ว่า ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นในกลุ่มสื่อสาร, พลังงาน หลังจากมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม มิ.ย. นี้ โดยล่าสุด Fed Fund Futures ชี้โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 % สำหรับสัปดาห์นี้ติดตามรายงานการส่งออกไทย เม.ย. ที่จะรายงานในวันพฤหัสนี้ กลยุทธ์การลงทุน วางจุด Filter แนวรับ SET ที่ระดับ 1,380 จุด หากยืนไม่ได้แนะนำลดพอร์ตลงเพื่อรอซื้อกลับที่บริเวณ 1,350-1,360 จุด
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (24 พ.ค.) ว่า ยังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้ SET จะยัง Sideways เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่หนุนนำ ขณะที่ความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยยังคงกดดันตลาดเนื่องจากการออกมาแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน (เฟดสาขาเซนต์หลุย ซานฟรานซิสโก แอตแลนตาและริชมอนด์) เชื่อว่าเฟดควรพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเห็นว่าตลาดแรงงานและสถานการณ์เงินเฟ้อขณะนี้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมหรือเอื้อแล้ว
แม้ตลาดและฝ่ายวิจัยยังไม่เชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศปรับลงเล็กน้อย รวมถึงค่าเงินบาทและภูมิภาคอ่อนค่าเล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตามในยามตลาด Sideways หุ้นขนาดเล็กจะมีการเข้ามาเก็งกำไรกันมากขึ้นอย่าง JAS THAI สำหรับนักลงทุนที่กลัวความเสี่ยง เราแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS (เป้า 26.00 บาท) และ VIBHA (เป้า 2.90 บาท)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: JAS (ลุ้นจ่ายค่าปรับน้อย พร้อมมี share buyback หนุน) THAI (Turnaround stock)
ขณะที่คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค กราฟล่าสุดแสดงภาพการแกว่งตัวเป็นลักษณะ sideway กรอบใหญ่ โดยเคลื่อนไหวต่ำกว่า MA10 และ MA25 เมื่อวันก่อนให้ภาพของระยะสั้นจะแกว่งตัวไร้ทิศทางในแบบระยะสั้น แต่แนว 1,380/1,378 มีโอกาสเกิด technical rebound ขณะที่ภาพใหญ่ของ SET ยังเป็นภาพขาขึ้นในระยะกลาง
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,378-1,395
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร EA และ GUNKUL