เคาะ 9 หุ้นเด่นเน้นเล่นเก็งกำไรสั้นSET ผันผวน-ยังไม่ผ่านด่าน 1,400
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้Upside จำกัดที่ 1,400 จุด โดยรวมคาดว่าจะอยู่ในสภาพซึมและแกว่งกรอบแคบ รอถ้อยแถลง Janet Yellen สุดสัปดาห์นี้
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 8.55 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.76 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากสหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้Upside จำกัดที่ 1,400 จุด โดยรวมคาดว่าจะอยู่ในสภาพซึมและแกว่งกรอบแคบ รอถ้อยแถลง Janet Yellen สุดสัปดาห์นี้
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ BEAUTY, GLOBAL, IRPC, GPSC,SGP, CK, SVI, JAS JASIF
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ค.) ว่า Dow Jones +1.22% และราคาน้ำมันดิบ Brent +0.5% จะเป็นปัจจัยหนุนการปรับสูงขึ้นของ SET วันนี้ แต่ยังมอง Upside จำกัดที่ 1,400 จุด รอถ้อยแถลง Janet Yellen สุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ยังมอง “บวก” ต่อภาพ SET ระยะสัปดาห์ ด้วย “Earnings Driven” หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 1/16 ดีกว่าคาด และ Consensus เริ่มปรับประมาณการกำไร SET ขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้น (Earnings Driven) ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มหุ้นที่ Outperform ตลาดในการปรับสูงขึ้นของ SET รอบถัดไป ได้แก่ BEAUTY (รายได้จากการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวยังเติบโตดี) CPF (การฟื้นตัวของธุรกิจกุ้งชัดเจน และกำไรจะเร่งตัวขึ้นต่อใน 2Q-3Q16) GLOBAL (ยอดขายต่อสาขา และการขยายสาขาหนุนกำไรเติบโตเฉลี่ย 30%/ปี) IRPC (Spread ปิโตรสูง ส่วน Upgrade โรงกลั่นเริ่มเปิดกลางปีนี้ ปันผล 5-6%) GPSC (ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 35 บาท) SGP (กำไร 1Q16 เป็นจุดต่ำสุดของปี PE 6.5x)
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ค.) ว่า อาการตลาดโดยรวมที่อยู่ในสภาพซึมและแกว่งกรอบแคบ อาจจะกลับมาผันผวนได้อีกในช่วงปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า ซึ่งจะมีเหตุการณ์ที่ต้องติดตาม คือ MSCI rebalancing การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันที่ 3 มิ.ย. และการกล่าว Speech ของประธานธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 27 พ.ค. และวันที่ 6 มิ.ย. ซึ่งอาจจะเห็นสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ปรับ หุ้นที่คาดว่ายังพอเข้าไปเล่นได้และมีข่าวสนับสนุน คาดยังคงเป็นหุ้นเดิมๆ ที่นักวิเคราะห์อาจเข้ามาปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้นหรือปรับเป้าหมายเพิ่มหรือเปลี่ยนมุมมองเป็นเชิงบวก อย่าง IVL ที่ทางนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นหลังปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ เริ่มฟื้นตัว
มองวันนี้ดัชนี SET ได้รับแรงหนุนจากดัชนีในต่างประเทศ แต่การดีดตัวขึ้นคาดยังไปไม่ได้ไกล เนื่องจากยังมีแรงกดดันเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED หลังตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 24 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจาก API รายงานตัวเลขปริมาณสต๊อกน้ำมันสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบารเรล์มากกว่าการคาดการณ์ถึง 2 เท่า วันนี้มองแนวต้านที่ 1390-1394 จุด ส่วนแนวรับที่ 1380-1376 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CK
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ค.) ว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิด +0.19% ปริมาณการซื้อขายชะลอตัวอยู่ที่ 3.4 หมื่น ลบ. ต่างชาติและสถาบันยังเป็นขายสุทธิ ส่วนต่างชาติวานนี้มีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 3.8 พันสัญญา ภาวะการซื้อขายวานนี้เริ่มฟื้นตัวจากแรงซื้อในกลุ่มปิโตรเคมีและสื่อสาร แต่การซื้อขายยังระมัดระวังต่อความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในการประชุม มิ.ย. นี้ โดยโอกาสที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 34 % และเดือน ก.ค. อยู่ที่ 53.8 % ปัจจัยในประเทศพรุ่งนี้ติดตามการส่งออกไทย เม.ย. คาด -1.5 % (YoY) กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET วันนี้มีโอกาสฟื้นตามทิศทางตลาดหุ้นโลก โดยมีแนวรับที่ 1,380 จุด แนวต้าน 1,395 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบ ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร SVI ( Consensus @ 6.00 ) ได้แรงหนุนจากทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่า
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ค.)ยังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้ SET น่าจะผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับขึ้นแรงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่นำโดยกลุ่มสถาบันการเงินที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าเฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ผลสำรวจของ CME Group เผยโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมิ.ย. กลับเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 26% วานนี้
อย่างไรก็ตามในกรณีเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยรวมจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาคในระยะสั้น ดังนั้นตลาดหุ้นบ้านเราและภูมิภาคที่ปรับขึ้นอาจไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะส่งกระทบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่อาจเกิดเงินทุนไหลกลับเข้าสหรัฐ นักลงทุนต้องระมัดระวังการซื้อขายมากขึ้น นอกจากนี้วันนี้ต้องติดตามรายงานตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. ที่ตลาดคาดว่าจะกลับมาติดลบ -1.5%yoy จาก +1.3%yoy ในเดือนมี.ค และจากเดิมที่คาดว่าจะเป็นบวก 3%
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/เลือกเล่นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: JAS JASIF (คณะกรรมตรวจสอบของกสทช. กรณี JAS ไม่ชำระค่าประมูลใบอนุญาต 4G เผยว่า JAS อาจจะเสียค่าปรับเพียง 130 ล้านบาท และไม่ยึดใบอนุญาตธุรกิจสื่อสาร)