สอย 11 หุ้นเด็ดแนวโน้มแกร่งกว่าตลาดปัจจัยตปท.กดดัน SET อ่อนตัวต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังมีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดโลกต่อเนื่องจากวันนี้ โดยปัจจัยที่กดดันตลาดยังคงเป็นปัจจัยเดิมทั้งราคาน้ำมันที่อ่อนตัว และความกังวลต่อการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ อย่างไรก็ตามการที่ตลาดปรับตัวลงอาจมีแรงเข้ามาเก็งกำไรกลับมาบางส่วนได้บ้างในวันนี้
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.19 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.17 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. ขณะเดียวกันก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการลงประชามติของอังกฤษเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ และการประชุมนโยบายการเงินของเฟด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังมีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดโลกต่อเนื่องจากวันนี้ โดยปัจจัยที่กดดันตลาดยังคงเป็นปัจจัยเดิมทั้งราคาน้ำมันที่อ่อนตัว และความกังวลต่อการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ อย่างไรก็ตามการที่ตลาดปรับตัวลงอาจมีแรงเข้ามาเก็งกำไรกลับมาบางส่วนได้บ้างในวันนี้
การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากดอกเบี่ยต่ำ และกลุ่มที่มีแนวโน้มปรับตัวดีกว่าตลาด หุ้นเด่นเลือก JASIF-THANI-DIF-BTSGIF-CHG-BCH-BANPU-THAI-CK-CPN และ BEM
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มิ.ย.) ว่า การทำประชามติ UK ออกจากสมาชิก EU กดดันตลาดหุ้นโลกต่อเนื่อง Dow Jones -0.74% และตลาดหุ้นยุโรป -1-2% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัว
คาด SET อยู่ในช่วงการ “พักฐาน” ต่อเนื่องด้วยแนวรับ 1,412 จุด ที่เคยเปิด Gap ทางเทคนิคไว้ในช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ+ปันผลสูง (ล่าสุด Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องที่ 1.6%) อย่าง REIT, Infra-Fund, และเช่าซื้อ มีแนวโน้ม แข็งแกร่งกว่าตลาดช่วงนี้
แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ… รวมถึง “ซื้อ” กลุ่มโรงพยาบาลมีแนวโน้มแกร่งกว่าตลาด ได้แก่
1) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีดอกเบี้ยต่ำ ปันผลสูง : “ซื้อ” JASIF THANI (กำไรโตสูง 35-19% ในปี 2559-2560 ปันผล 5-6.5%) DIF BTSGIF
2) กลุ่มโรงพยาบาลดูแข็งแกร่งกว่าตลาด : “ซื้อ” CHG (กำไรโตสูงสุดในกลุ่ม 23-27% ในปี 2559-2560 ทางเทคนิคทดสอบ 3.20) และ “เก็งกำไร” BCH (ต้าน 12.7/13.1 บาท)
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มิ.ย.) ว่า SET วันนี้ลงต่อเนื่องจากตลาดหุ้นโลกจะยังไม่ดีสะท้อนจากดัชนีความกลัว (VIX) ขึ้นสูงสุดรอบ 4 เดือน รับปัจจัยลบความกังวลต่อการหยั่งเสียง Brexit, ราคาน้ำมันที่ลงต่อหลังปริมาณผลิตน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น, ความไม่แน่นอนว่าหุ้น A-share ของจีนจะเข้าดัชนี MSCI หรือไม่ และผลประชุมเฟดเช้ามืดวันที่ 16 มิ.ย.
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มิ.ย.) ว่า กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET ยังคง Sideway ในกรอบแนวรับ 1,415 แนวต้าน 1,440 – 1,450 จุด เพื่อรอประเมินความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ จึงแนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบการลงทุน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร BEM (+ เจรจาเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน, การนำเข้าคำนวณ SET 50)
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มิ.ย.) คาดดัชนี SET ยังมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อหลังเกิดแรงขายหุ้นทั่วโลก ก่อนการลงประชามติของอังกฤษในอาทิตย์หน้า นอกนั้นจะเป็นผลจากตลาดหุ้นสหรัฐ และราคาน้ำมันอ่อนตัวลง โดยวันนี้มองแนวรับที่ 1,410-1,405 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,424-1,428 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CPN
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มิ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยการปรับตัวลงแรงของตลาดวานนี้ คาดว่าอาจทำให้เกิดแรงเก็งกำไรกลับมาบางส่วนได้บ้างในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน และทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคยังปรับตัวลงเช้านี้
แนวรับ/แนวต้าน : 1,414/1,440 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
กลยุทธ์ : ซื้อหุ้น กลุ่ม โรงกลั่น ธนาคาร ท่องเที่ยว รับเหมา
หุ้นแนะนำ : BANPU (15.3), THAI (18.5) และ CK (35.5)