SET ผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นตปท.สบช่องเก็บ 13 หุ้นใหญ่ช่วงรอผล Brexit

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากประเด็น Brexit ที่เริ่มผ่อนคลาย ขณะที่ประเมินดัชนี SET ในอาทิตย์นี้เต็มไปด้วยความผันผวนเพื่อรอดูผล Brexit ในวันพฤหัสนี้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.06 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.18 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit หลังจากผลสำรวจความคิดเห็นชาวอังกฤษเรื่องการลงประชามติ Brexit ล่าสุดระบุว่า ฝ่ายสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไปนั้น มีคะแนนนำ ก่อนที่การลงประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากประเด็น Brexit ที่เริ่มผ่อนคลาย ขณะที่ประเมินดัชนี SET ในอาทิตย์นี้เต็มไปด้วยความผันผวนเพื่อรอดูผล Brexit ในวันพฤหัสนี้ 

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ CPF, SCC, PTT, ROBINS, CPN, BEAUTY, THANI, KTC, KBANK , SCB , PTT, IRPC, BJC

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นได้ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า ภายหลังจากที่ผลสำรวจเรื่องของอังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป (EU) หรือไม่นั้น ได้สวิงมาอยู่ในฝั่งจะอยู่ใน EU ต่อ แต่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะยังเป็นแค่ผลสำรวจเท่านั้น ซึ่งอาจสวิงไปสวิงมาก่อนที่ผลโหวตจริงจะออกมา

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้มีการรีบาวน์ขึ้นทำให้อาจไปช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานช่วยดันตลาดฯได้ อย่างไรก็ดี ช่วงนี้เป็นก็จะมีการทยอยประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของหลายประเทศออกมา ซึ่งก็ต้องติดตามแม้ว่าความสำคัญหลักจะอยู่ที่เรื่องของอังกฤษก็ตาม

พร้อมให้แนวรับ 1,410 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 จุด

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 มิ.ย.) ว่า ในอาทิตย์นี้ถือเป็นอาทิตย์ที่สำคัญ เนื่องจากในวันที่ 23 นี้ อังกฤษจะลงประชามติว่าจะอยู่หรือจะไปจากกลุ่มอียู หากผลออกมาว่าออก อาจจะเห็นความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกแรงๆได้อีก แต่หากอยู่ตลาดจะดีดกลับ โดยในส่วนของตลาดเอเชียเอง หากอังกฤษ ยังอยู่ในอียู ดัชนีตลาดหุ้นไม่น่าจะดีดได้แรง

เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีในภูมิภาคไม่ได้ลงอะไรมากมาย ทิศทางราคาน้ำมันหลังขึ้นไปมากกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรล แล้วอ่อนตัวลงมา คาดกันว่าตลาดยังกังวลกับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ ทั้งผลประชามติในอังกฤษ การลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและปัญหา Supply disruption ที่กำลังคลายตัวลง โดยล่าสุดทาง Goldman Sach บอกว่าราคาน้ำมันในช่วงนี้จะแกว่งในกรอบ 45-50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ไปอีกสักพัก

ขณะที่ทาง EIA บอกว่าแม้ราคาน้ำมันจะเข้าสู่ช่วง Rebalance ในครึ่งปีหลัง แต่ปริมาณการผลิตน้ำมันจะกลับมาท่วมตลาดอีกรอบในปี 2017 จากปริมาณการผลิตในสหรัฐและในกลุ่ม OPEC ส่วนการรีบาวน์ของราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์มาจาก ตลาดคลายความกังวลเรื่องผลโพลส์ในอังกฤษและค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้คาดจะเต็มไปด้วยความผันผวนจนกว่าผลประชามติในอังกฤษจะผ่านพ้นไป โดยประเด็นใหม่ที่จะกดตลาด คือ ความผันผวนในตลาดหุ้นยุโรป ส่วนวันนี้มองดัชนี SET จะปรับตัวขึ้นตามดัชนีในภูมิภาคหลังโพลส์ในอังกฤษบอกคะแนน อยู่ (44%) มากกว่า ออก (43%) วันนี้มองแนวรับที่ 1415-1410 จุดและแนวต้านที่ 1428-1432 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BJC

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (20 มิ.ย.)  กลยุทธ์การลงทุน จากประเด็น Brexit ที่เริ่มผ่อนคลายคาดส่งผลให้ดัชนี SET เริ่มฟื้นตัว โดยมีแนวรับ 1,415 จุด แนวต้าน 1,430 – 1,440 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบ เพื่อรอดูผล Brexit ในวันพฤหัสนี้  แนะนำซื้อเก็งกำไร KBANK , SCB , PTT หากผลประชามติอังกฤษยังอยู่ต่อใน EU คาดเม็ดเงินจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (20 มิ.ย.) SET น่าจะผันผวนในทิศทางขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมาหากผลการทำประชามติในวันที่ 23 มิ.ย. ว่าอังกฤษจะต้องออกจากกลุ่ม EU แต่ขณะนี้นักลงทุนเริ่มผ่อนคลายความกังวลเรื่อง Brexit มากขึ้น เนื่องจากผลโพลล์ล่าสุดออกมาเท่ากัน ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปก็รีบาวด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินบอนด์แข็งค่าหรือรีบาวด์ในเช้านี้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องด้วย ดังนั้นหุ้นในกลุ่มพลังงานจะเป็นกลุ่มนำตลาดในวันนี้ สำหรับปัจจัยในประเทศคงต้องติดตามผลการประชุมกนง. ในวันที่ 22 มิ.ย. นี้ ซึ่งตลาดคาดว่ากนง. จะคงดอกเบี้ยเท่าเดิม และเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารเพราะตลาดคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากผลกระทบของการปรับลดค่าธรรมเนียม ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ไม่แพงและมีโอกาสรีบาวด์เพราะหุ้นกลุ่มนี้ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่าของมูลค่าตามบัญชี

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY / ซื้อเมื่ออ่อนตัว และสะสมหุ้นกลุ่มแบงก์รับกนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: IRPC (ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (20 มิ.ย.)Poll การทำประชามติ UK ออกจากสมาชิก EU ล่าสุดกลุ่มที่ต้องการให้อยู่ต่อ 45% กลุ่มที่ต้องการให้ออก 42% ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกลับสู่สถานะ Risk-on หรือ “ซื้อ” สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น US$1.98/bbl เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มพลังงาน ประเมินแนวต้าน 1,430 จุด สำหรับภาพระยะกลาง-ยาว มองผลกระทบ Brexit (ถ้าออกจาก EU) กระทบเศรษฐกิจไทยจำกัด ขณะที่การบริโภคในประเทศฟื้นตัว เป็นปัจจัยหนุนการปรับสูงขึ้นของ SET ระยะกลาง-ยาว ด้วยเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,550 จุด

กระแสเงินทุนไหลกลับหลัง Poll ชี้กลุ่มที่ต้องการใช้ UK “อยู่ต่อ” ในการเป็นสมาชิก EU เป็นจังหวะ “ซื้อ” หุ้นใหญ่:-

          1. Big cap: “เก็งกำไร” SCB (ราคาสะท้อนรายได้ค่าธรรมเนียมลงแล้ว) CPF (ราคาหมูสูงต่อ) SCC

          2. ราคาน้ำมันฟื้นตัว กำไร 2Q16 แกร่ง: “ซื้อ” SGP, “เก็งกำไร” PTT

          3. Consumption Plays: “ซื้อ” ROBINS CPN BEAUTY THANI KTC

 

Back to top button