ดัชนีแกว่งกรอบแคบ- รอผล Brexitชู 15 หุ้นโดดเด่นเฉพาะตัว-ปันผลเด็ด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวน์ในกรอบแคบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นในกรอบไม่มากนัก ขณะที่ในวันพรุ่งนี้เป็นวันลงประชามติในอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) แม้มีแนวโน้มที่อังกฤษจะยังอยู่ในอียูต่อไป แต่ปัจจัยดังกล่าวก็สะท้อนไปยังราคาหุ้นระดับหนึ่งแล้ว ด้านปัจจัยในประเทศวันนี้คาดว่าการประชุมกนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิม


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.00 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.23 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการลงประชามติของอังกฤษจะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งจะชี้ชะตาว่าชาวอังกฤษจะเลือกอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวน์ในกรอบแคบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นในกรอบไม่มากนัก ขณะที่ในวันพรุ่งนี้เป็นวันลงประชามติในอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) แม้มีแนวโน้มที่อังกฤษจะยังอยู่ในอียูต่อไป แต่ปัจจัยดังกล่าวก็สะท้อนไปยังราคาหุ้นระดับหนึ่งแล้ว ด้านปัจจัยในประเทศวันนี้คาดว่าการประชุมกนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิม

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ ROBINS, CPN, BEAUTY, KAMART, CPALL, THAI, GLOBAL, KAMART, BEAUTY, SGP, CPF, TKN, VIBHA, BIG และ THAI

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะมีโอกาสรีบาวน์ในกรอบแคบ หลังเข้าใกล้วันลงประชามติในอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) โดยแนวโน้มที่ออกมาค่อนข้างมีความชัดเจนมากขึ้นว่าอังกฤษจะยังอยู่อียูต่อไป

ขณะที่ปัจจัยดังกล่าวได้สะท้อนไปยังราคาหุ้นระดับหนึ่งแล้ว ทำให้นักลงทุนบางส่วนรอดูผลการลงประชามติที่จะเกิดขึ้นจริงในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยจะไม่มากนัก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น ตลาดหุ้นยุโรปที่มีอัตราการปรับเพิ่มขึ้นลดลงจากช่วงก่อนหน้า หลังเข้าใกล้วันลงประชามติของอังกฤษ ขณะที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบ

ส่วนปัจจัยในประเทศเรื่องการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ก็คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม ส่วนมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ที่เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรนั้น ก็จะช่วยหนุนการลงทุนในกลุ่มค้าปลีก หรือลีสซิ่ง แต่หุ้นกลุ่มดังกล่าวไม่ได้มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เพียงพอที่จะมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นมากนัก

สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 49-52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะยังเป็นลักษณะการประคองตลาดอยู่

พร้อมให้แนวรับที่ระดับ 1,420 และแนวต้านที่ 1,440 จุด

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มิ.ย.) ว่า ทิศทางราคาน้ำมันหลังสามารถขึ้นไปยืนที่ 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ก็เริ่มทรงๆตัว แม้ปริมาณสต๊อกน้ำมันในสหรัฐที่รายงานโดย API จะลดลงมากกว่าที่คาดไว้มาก โดยลดลงถึง 5.2 ล้านบารเรล์ เทียบตลาดคาดจะลดลง 1.7 ล้านบารเรล์ โดยทิศทางราคาน้ำมันจะขึ้นต่อหรือปรับตัวลง ยังขึ้นอยู่กับ ผลโพลส์ในอังกฤษ ทิศทางตลาดหุ้นไทยเองยังคงแกว่งตามดัชนีในภูมิภาค โดยแนวโน้มในสัปดาห์นี้ คาดยังแกว่งตัวตามดัชนีในภูมิภาคและโพลส์สำรวจในอังกฤษ หากผลโพลส์ ของการอยู่ในอียู ยังนำ ที่จะออก ดัชนีตลาดหุ้นจะยัง Sideway up จนกว่าผลโพลส์ที่แท้จริงจะประกาศ แต่หากผลโพลส์ยังสูสีคาดดัชนีในวันนี้หรือพรุ่งนี้จะยังแกว่งทั้งแดนบวกและลบ

วันนี้มองทิศทางดัชนี SET จะเริ่มแกว่งในกรอบที่แคบลงหลังดัชนีในภูมิภาคและราคาน้ำมันเริ่มนิ่ง โดยคาดจะแกว่งทั้งแดนบวกและลบ จนกว่าจะเห็นสัญญาณทั้งเชิงบวกและลบ ของผลโพลส์ในอังกฤษ โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1435-1440 จุดและแนวรับที่ 1425-1420จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร MINT เนื่องจากค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้ายังไม่สูงขณะที่ราคาหุ้นที่เทรดกันปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายเฉลี่ยกลางของนักวิเคราะห์

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มิ.ย.) ตลาดวานนี้ปิด +0.62 % สถาบันซื้อสุทธิ 1.4 พัน ลบ. ต่างชาติมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2.2 พันสัญญา แต่ยังคงซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1.6 พัน ลบ. ภาวะการซื้อขายวานนี้ยังฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากผล Poll ระบุโอกาสอังกฤษจะอยู่ต่อใน EU เพิ่มมากขึ้น  สำหรับการประชุม ครม. วานนี้ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรอบใหม่วงเงิน 4.5 หมื่น ลบ. ซึ่งเป็นการช่วยฟื้นกำลังซื้อของเศรษฐกิจฐานราก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจาก ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม พ.ค. และยอดส่งออกรถยต์ที่ปรับตัวดีขึ้น

วันนี้ติดตามการประชุม กนง. คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5 % กลยุทธ์การลงทุน คาดดัชนี SET ยังทรงตัวระดับ 1,420 – 1,440 จุด เพื่อรอดูผลประชามติของอังกฤษ

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มิ.ย.) SET น่าจะยังผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณการซื้อขายอาจเบาบางเพราะนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการทำประชามติอังกฤษออกจาก EU แม้โพลล์ส่วนใหญ่พบว่าอังกฤษอยู่ต่อมีคะแนนนำ อย่างไรก็ตามภาวะตลาดหุ้นบ้านเราน่าจะยังปรับขึ้นต่อเนื่องได้ นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ราคาลงมาลึกและรีบาวด์ระยะสั้นรับกนง. คงดอกเบี้ยและตัวเลขสินเชื่อเดือนพ.ค.ที่ปรับขึ้น และหุ้นกลุ่มสื่อสารยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อในระยะสั้นหลังมีการปรับพอร์ตลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยการลดการถือหุ้นใน THCOM ไปสู่หุ้นตัวอื่นในกลุ่มสื่อสาร ยังชอบ JAS และ JASIF สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผลสูง และหุ้นที่แนะนำเป็นประจำได้แก่ TKN VIBHA BIG และ THAI ถือเป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY /ปรับขึ้นแรงแนะนำขายทำกำไรระยะสั้น

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: KTC (คาด 2Q16 กำไรดีมาก ราคาเป้าหมาย 110 บาท)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 มิ.ย.) แม้โพลประชามติ UK ล่าสุดยังสูสีระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนให้ “อยู่ต่อ” กับกลุ่มที่สนับสนุนให้ “ออกจาก” การเป็นสมาชิก EU แต่คาดว่านักลงทุนจะ “ชะลอ” การลงทุนก่อนรู้ผลการทำประชามติอยู่ดี ทำให้ SET มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นในกรอบ 1,412-1,436 จุด

ทำอะไรดี: 1. Consumption: “ซื้อ” ROBINS CPN BEAUTY (ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 8.60 บาท) และ “เก็งกำไร” KAMART CPALL

2. หุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไร และพื้นฐานขึ้น (อิง Pathumwan Corner: The Revision วันที่ 21 มิ.ย.): “ซื้อ” THAI GLOBAL KAMART BEAUTY ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Consumption Plays

3. กำไร 2Q16 เติบโตเด่น: “ซื้อ” SGP (เป้าหมายระยะสั้นที่ 16.7-17.2 – ดูกราฟหน้า Tactical Portfolio) และ CPF (ราคาหมูแข็งแกร่ง)

Back to top button