SETบ่ายเสี่ยงขายทำกำไรต่อแนะหุ้น Beta ต่ำ-เงินปันผลสูง

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้น Beta ต่ำ กระแสเงินสดมีความมั่นคง และผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงอย่าง Asset Funds ทำให้แนะนำ "ซื้อ" DIF (ปันผล 7%) JASIF (ปันผล 9.4%) CPNRF (ปันผล 6.4%) และ BTSGIF (ปันผล 5.8%)


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (24 มิ.ย.) ผันผวนตามการนับคะแนนการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งล่าสุดกลุ่มที่เลือกให้อังกฤษออกจากอียูมีคะแนนนำ ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงแรงไปทั่วภูมิภาค ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น-Bond Yield ของสหรัฐฯอายุ 10 ปีต่ำสุดในรอบ 4 ปี แสดงให้เห็นนักลงทุนกลัวความเสี่ยงพอควร จึงนำเงินเข้าไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย-พันธบัตรก่อน แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนตามผลคะแนนการลงประชามติของอังกฤษ โดยกลุ่มที่เลือกให้ออกจากสหภาพยุโรป (อียู) มีคะแนนนำ ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงแรงไปทั่วภูมิภาค ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น และ Bond Yield ของสหรัฐฯอายุ 10 ปีก็ลงมาต่ำสุดในรอบ 4 ปี แสดงให้เห็นถึงกลัวความเสี่ยงพอควร นักลงทุนจึงนำเงินไปเข้าสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และพันบัตรก่อน

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ปรับตัวลงทั่วหน้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงมาเกือบ 8%

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ค่าเงินยูโร และเงินปอนด์เช้านี้ก็อ่อนค่าลง ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น หุ้นหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน, กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มแบงก์ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติถืออยู่คาดว่าคงจะเป็นเป้าหมายของการถูกขายออกมาอย่างไรก็ดี ให้จับตาดูว่าวันนี้ดัชนีฯจะยืนเหนือระดับ 1,400 จุด ได้หรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,410 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (24 มิ.ย.) ว่าประชามติ UK หนุน “ออก” จากการเป็นสมาชิก EU กดดันกระแสเงินทุนไหลเข้า Safe Haven อย่างทองคำ, พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ  ล่าสุด Bond Yield 10 ปี ต่ำกว่า 2.0%, สินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์ฯ – เยน ขณะที่ตลาดหุ้นโลกปรับลดลงแรง 2-4% โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลงแรง 8% จากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นแตะ 100 เยน/ดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างชาติถือครองสูง อย่าง PTT SCC KBANK SCB BBL จะถูกกดดันในช่วงนี้ ขณะที่ประเมินแนวรับ SET ระยะสั้น 1,390-1,400 จุด ถัดไป 1,376 จุด

ด้านค่าเงิน GBP และ EUR อ่อนค่าลงรุนแรง 10% และ 4% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ฯ และคาดว่าจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง กระทบกับกลุ่มหุ้นส่งออก และธุรกิจท่องเที่ยว โดยตรง โดยถ้าดูจากการส่งออกไป UK อาจต่ำเพียง 1.78% แต่ส่งออกไป EU สูง 10%

ขณะที่นักท่องเที่ยวจาก UK คิดเป็นประมาณ 3% ของทั้งหมด แต่ถ้าดูจากนักท่องเที่ยว EU คิดเป็น 20% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด จะเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มหุ้นส่งออก KCE (รับเป็นเงิน EUR 20%), DELTA (รับเป็นเงิน EUR 12% แต่ส่วนใหญ่เป็น Natural Hedge), CPF (ส่งออกไป Europe 5%) และ TU (ส่งออกไป Europe 30-35%) ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวอย่าง และกลุ่มที่ถูกกดดันจาก Bond Yield ต่ำ อย่าง AOT, MINT, CENTEL, BLA ได้รับผลกระทบเชิงลบเช่นกัน

นอกจากนี้เงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรกดดัน Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ต่ำกว่า 1.50% และคาดว่า Fed จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้น Beta ต่ำ กระแสเงินสดมีความมั่นคง และผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงอย่าง Asset Funds ทำให้แนะนำ “ซื้อ” DIF (ปันผล 7%) JASIF (ปันผล 9.4%) CPNRF (ปันผล 6.4%) และ BTSGIF (ปันผล 5.8%)

แม้ Brexit อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก และท่องเที่ยวบ้าง แต่มองผลกระทบ “จำกัด” ขณะที่การบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่ยังดำเนินต่อไป ทำให้มองว่าการปรับลดลงของ CK SEAFCO BEAUTY ROBINS CPN เป็นโอกาสในการ “ซื้อ” รวมไปถึง “เก็งกำไร” BJC และ CPALL นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” BWG ที่คาดการณ์กำไรเติบโตแกร่งจากธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป

 

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

PTT     มูลค่าการซื้อขาย 4,078.44 ล้านบาท ปิดที่ 309.00 บาท ลดลง 15.00 บาท

SCB     มูลค่าการซื้อขาย 2,279.15 ล้านบาท ปิดที่ 130.50 บาท ลดลง  4.50 บาท

KBANK   มูลค่าการซื้อขาย 2,124.15 ล้านบาท ปิดที่ 163.00 บาท ลดลง  6.00 บาท

PTTEP   มูลค่าการซื้อขาย 2,045.50 ล้านบาท ปิดที่  79.75 บาท ลดลง  4.25 บาท

IVL     มูลค่าการซื้อขาย 2,028.25 ล้านบาท ปิดที่  29.75 บาท ลดลง  2.00 บาท

Back to top button