จัดทัพ 17 หุ้นปลอดภัยดักเก็บช่วงดัชนีผันผวนSET ไร้ปัจจัยหนุน-รอตลาดทุนทั่วโลกคลี่คลาย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังแกว่งกรอบแคบ หลังความผันผวนที่สูงขึ้นระหว่างตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกอยู่ระหว่างหาจุดสมดุลใหม่หลังจากเกิดความเสี่ยงอังกฤษออกจาก EU กลยุทธ์ในช่วงนี้ตลาดจึงต้องรอปัจจัยใหม่มาสนับสนุน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.08 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.35 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลหลังจากที่สหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นหลังจากเงินเยนอ่อนค่าลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังแกว่งกรอบแคบ หลังความผันผวนที่สูงขึ้นระหว่างตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกอยู่ระหว่างหาจุดสมดุลใหม่หลังจากเกิดความเสี่ยงอังกฤษออกจาก EU กลยุทธ์ในช่วงนี้ตลาดจึงต้องรอปัจจัยใหม่มาสนับสนุน

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ CPN, ROBINS, CK, SEAFCO, BWG, CPALL, BJC,  JASIF, DIF, CPNRF, THANI, KKP,THAI, TPIPL, BJC, MONO และ SPALI

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 มิ.ย.) ว่า แนวโน้มดัชนี SET ในสัปดาห์นี้คาดจะมีแรงขายต่อ จนส่งผลให้ดัชนี SET รอบนี้หลุด 1400 จุดแล้วซึมลงต่อ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในอังกฤษ รอบนี้แรงขายจะเกิดในหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลัก อย่าง พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร ส่วนหุ้นที่หนุนตลาดมาตลอดอย่าง ค้าปลีกและโยงท่องเที่ยว คาดจะอยู่ในข่ายของการเทขาย แม้ภาพอุตสาหกรรมเริ่มฟื้น แต่ด้วยราคาหุ้นขึ้นมาสูง จุดทยอยรับหุ้นในรอบนี้ มองที่กรอบ 1370-1380 จุด กลุ่มที่ให้ทยอยรับในแนวดังกล่าว คือ ธนาคารใหญ่ พลังงานและสื่อสาร กลยุทธ์ในช่วงที่ตลาดยังผันผวน อาจจะต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายมากกว่านี้ ส่วนหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักในตอนนี้ยังมีสิทธิลงต่อ แม้ก่อนหน้านี้ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติจะไม่มาก แต่แรงซื้อของพอรท์โบรกเกอร์และกองทุน ถือว่ายังมาก

ดังนั้นหากดัชนีลงต่อ 2 กลุ่มนี้มีแนวโน้มจะขายหุ้นออกมาอีก ซึ่งคาดกันว่าหุ้นที่พอรท์โบรกเกอร์และกองทุนถืออยู่มาก คือกลุ่มพลังงานใหญ่ โดยแรงขายมาจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ว่าจะหลุด 45 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือไม่ สำหรับแนวโน้มตลาดในวันนี้เปิดขึ้นมาน่าจะกลับลงไปเล่นที่ประมาณ 1400+/- จุด สลับมีแรงซื้อคืน โดยการดีดรอบนี้มองแค่ 1420+/- จุด แต่หากทิศทางตลาดในภูมิภาคยังผันผวนแรงและราคาน้ำมันดิ่งลงต่อ ดัชนี SET จะลงไปที่กรอบ 1380-1370 จุด วันนี้ติดตามการแถลงของรมต. คลังอังกฤษ วันนี้มองแนวรับที่ 1405-1400 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1418-1422 จุดและแนะนำ ซื้อเก็งกำไร MONO

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 มิ.ย.) กลยุทธ์การลงทุน จากความผันผวนที่สูงขึ้นระหว่างตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกอยู่ระหว่างหาจุดสมดุลใหม่หลังจากเกิดความเสี่ยงอังกฤษออกจาก EU จึงแนะนำลดพอร์ตการลงทุนลง 50 % ที่ระดับดัชนี  SET ที่ 1,420 – 1,430 จุด โดยมีแนวรับที่ระดับ 1,380 – 1,400 จุด  ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร BJC ( + มีหนี้สกุลเงินยูโร )

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (27 มิ.ย.) SET น่าจะยังผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ และมีโอกาสรีบาวด์ระยะสั้นได้ เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์ลุกลามหรือมีความเสี่ยงเพิ่มเติมมากกว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับลงรับข่าวร้ายนี้ไปค่อนข้างมากแล้วจากผลกระทบของ Brexit จะทำให้เศรษฐกิจ UK และยุโรปอ่อนแอ ซึ่งก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามไปด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นและตลาดเงินช่วงนี้ค่อนข้างนิ่ง นอกจากนี้ยังไม่เห็นประเทศไหนหรือแบงก์ไหนขาดสภาพคล่อง ดังนั้นตลาดน่าจะผันผวนน้อยลง แต่จะปรับเป็นขาขึ้นคงยากเพราะตลาดไม่มีปัจจัยบวกสนับสนุน และในช่วงระหว่างเทรดให้จับตาดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น ค่าเงินเยน ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าและตลาดน้ำมันล่วงหน้าตามไปด้วย แต่หากยังมีเหตุการณ์ After shock ก็อาจทำให้ SET  ปรับลงแตะระดับ Low เมื่อวันศุกร์ที่ 1,390 จุด อย่างไรก็ตามเชื่อว่านักลงทุนกำลังหาโอกาสจากวิกฤติเพื่อเข้าซื้อหุ้นสะสมรอบใหม่

โดยเฉพาะหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากค่าเงินยูโรอ่อนอย่าง THAI TPIPL และ BJC  ส่วน Global Play จะเป็นกลุ่มเสี่ยงสุดที่จะได้รับผลกระทบจาก Brexit แต่จะเป็นโอกาสในการรอซื้อสะสมมากสุดอย่างเช่น กลุ่มพลังงานจะขึ้นลงตามราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า หุ้นกลุ่มแบงก์จะเป็นกลุ่มเสี่ยงหากเกิดวิกฤตทางการเงินก็รอซื้อ ส่วนกลุ่ม Domestic Play ดูปลอดภัย แต่เป็นกลุ่มที่ปรับลงน้อยมาก สำหรับนักลงทุนที่ติดหุ้นอยู่ในระดับสูงแนะนำ ถือต่อ และยังไม่มีความจำเป็นต้องล้างพอร์ต                                        

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/รอซื้อเพื่อหาจังหวะรีบาวด์ระยะสั้น 

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น:  SPALI (เป็น Domestic Play ที่ราคาหุ้นลงลึกเกินพื้นฐานและไม่ได้รับผลกระทบ Brexit)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 มิ.ย.)Risk-off หลังผลประชามติ UK ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง ไปสูง Safe Haven อย่างทองคำ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และสินทรัพย์ในรูปเงินเยน อย่างไรก็ดียังมองผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจำกัดมากเนื่องจาก 1) การส่งออกไป UK ไม่ถึง 2% นักท่องเที่ยวจาก UK ประมาณ 3% และการลงทุนโดยตรงไม่ถึง 1% 2) สภาพคล่องในประเทศสูงจากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล US$1.67 หมื่นล้าน ในช่วง 4 เดือนแรก ต่างชาติถือหุ้นไทยต่ำอยู่แล้วในสัดส่วน 29% และ 3) ผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน จำกัดมาก

ทำอะไรดี: แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ราคาปรับลดลงจากการ “ปรับพอร์ต” รับ Brexit แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยน (ดูเพิ่มใน Pathumwan Corner วันนี้):-

          1. Consumption + Infrastructure Plays: “ซื้อ” CPN, ROBINS, CK, SEAFCO BWG และ “เก็งกำไร” CPALL BJC

          2. ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำนาน: JASIF DIF CPNRF THANI KKP

          3. มีหนี้สกุลเงิน EUR อาจบันทึกกำไรค่าเงิน: THAI TPIPL

 

Back to top button