SET แกว่งแคบ-ตลาดการเงินโลกเริ่มนิ่งชู 10 หุ้นแกร่งไม่หวั่นภาวะตลาดผันผวน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ลุ้นปรับขึ้นต่อ หลังตลาดการเงินโลกนิ่งแล้วและฟันด์โฟลว์เริ่มกลับเข้าเอเชีย อย่างไรก็ดี คาดสถานการณ์ยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางและยังเผชิญกับความผันผวนได้อีกแต่คงไม่แรง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.08 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.23 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบหลังจากอังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ลุ้นปรับขึ้นต่อ หลังตลาดการเงินโลกนิ่งแล้วและฟันด์โฟลว์เริ่มกลับเข้าเอเชีย อย่างไรก็ดี คาดสถานการณ์ยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางและยังเผชิญกับความผันผวนได้อีกแต่คงไม่แรง
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ WORK, RS, THAI, STEC, CK, CPALL, CPNRF, BTS, TWZ, TASCO
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.) ว่า หลังดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกสามารถดีดตัวกลับ หลังลงไปลึก สภาพตลาดหุ้นหลังจากนี้ คาดยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางและยังเผชิญกับความผันผวนได้อีกแต่คงไม่แรง ในตลาดหุ้นเอเชียเองดัชนีตลาดหุ้นสามารถดีดตัวขึ้นได้มากที่สุด หลังมองกันว่าผลที่เกิดจากอังกฤษออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเอเชียในวงจำกัด แต่อย่างไรก็ตามการที่จะดีดตึวขึ้นไปต่อหลังจากนี้ก็ยังมองไม่เห็นปัจจัยหนุนเหมือนกัน โดยตลาดหุ้นไทยสามารถดีดตัวขึ้นมาอยู่ในระดับก่อนการโหวตลงประชามติในอังกฤษ ส่วนหุ้นในภูมิภาค (MSCI Asia ex japan) เหลืออีกแค่ 2% ก็จะกลับมาที่เดิม สหรัฐประมาณเกือบ 4% และยุโรปอีก 8% กว่า หุ้นใน SET50 ที่สามารถดีดตัวขึ้นในแดนบวก ส่วนใหญ่ยังกระจัดกระจายในกลุ่มต่างๆ
โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสาร ผลิตไฟฟ้า และ รับเหมา ธนาคาร ส่วนพลังงานใหญ่ ยังมีแรงกด มองว่าการที่หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มหลัก ยังมีแรงกด ดัชนี SET ที่ขึ้นกลับมาที่เดิม น่าจะกลับมีแรงขายออก โดยวันนี้มองดัชนี SET จะแกว่งในกรอบแคบและเผชิญแรงขายหลังดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วัน แต่อย่างไรก็ตามหลัง ครม. อนุมัติแผนลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก 3.3 แสนล้านบาท หุ้นในกลุ่ม รับเหมาน่าจะเริ่มเป็นจุดเด่น จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร STEC CK นอกนั้นยังเป็น CPALL และ CPNRF วันนี้มองแนวต้านที่ 1442-1446 และแนวรับที่ 1430-1425 จุด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิด +0.92 % สถาบันและนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิวานนี้ หลังจากประเมินความผันผวนประเด็น Brexit กระทบตลาดหุ้นไทยจำกัด ขณะที่ต่างชาติวานนี้มียอดซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรจำนวน 1.8 หมื่น ลบ. สะท้อนความมั่นใจต่อทิศทางค่าเงินบาทไทย วันนี้ช่วงบ่ายติดตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. ต่อประเด็น พรบ. ประชามติขัด รธน. หรือไม่ ซึ่งหากขัด รธน. จริงทางแก้ไขอาจจะตัด ม.61 วรรค 2 ออกแล้วใช้กฏหมายอื่นดูแลแทน หรือเสนอ สนช. แก้ไข 3 วาระ ซึ่งประเมินประเด็นดังกล่าวไม่จะมีผลกระทบต่อการจัดลงประชามติในเดือน ส.ค. นี้ กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวต้านดัชนีที่ระดับ 1,440 – 1,450 จุด ( Forward P/E 15.5 – 15.6 เท่า ) คาด Upside ตลาดน่าจะจำกัด ระยะสั้นแนะนำลดพอร์ตและรอซื้อกลับมาช่วงดัชนีอ่อนตัวลงมาที่ระดับ 1,415 – 1,420 จุด
บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.) คาด SET วันพุธขึ้นต่อ ตลาดการเงินโลกนิ่งแล้วและฟันด์โฟลว์เริ่มกลับเข้าหุ้นเอเชีย (วานนี้ดัชนีฯ ยังคงขึ้นแรงกว่าคาด) คาดมีโอกาสสูงที่ดัชนีฯ จะกลับไปทดสอบยอดเดิมที่ 1,450 จุด หลัง ธ. กลางทั่วโลกส่งสัญญาณพร้อมดำเนินนโยบายลดผลกระทบจากกรณี Brexit ส่งผลให้สกุลเงินที่สะท้อนความเสี่ยงเช่นดอลล่าร์ฯ และเยน นิ่งแล้ว และราคาน้ำมันสหรัฐฯ รีบาวด์ 3.2% ขณะที่เมื่อคืนนี้สหรัฐฯ รายงานจีดีพีไตรมาส 1/59 รอบสุดท้าย +1.1% QoQ เทียบรายปี (ตัวเลขก่อนหน้านี้ +0.8%)
นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติให้มุมมองชัดเจนขึ้นว่าตลาดหุ้นอาเซียนและหุ้นไทยได้รับผลน้อยจาก Brexit (วานนี้โบรกต่างชาติ ‘UBS’ ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย) ทั้งนี้ทางเราคงมองหุ้นการบริโภคภายในประเทศ และหุ้นเชื่อมโยงโครงการลงทุนภาครัฐฯ จะโดดเด่นกว่าตลาดโดยรวม
หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร BTS*, TWZ / สะสม TASCO*
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.) SET น่าจะผันผวนในทิศทางขึ้นต่อเนื่อง แต่อาจมีแรงขายเป็นระยะๆ หลัง SET ฟื้นตัวมาแล้ว 3 วันติดต่อกัน เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นและตลาดเงินของโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น และไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่าหุ้นกลุ่ม Domestic Play จะยังเป็นกลุ่มนำตลาดวันนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก Brexit ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มธนาคารน่าจะยังฟื้นตัวต่อเนื่องเพื่อรอลุ้นผลประกอบการ 2Q16 อาจจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้หุ้นกลุ่มพลังงานก็จะฟื้นตัวจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบหลังปรับลงแรงต่อเนื่อง แรงซื้อกลับของกองทุนในประเทศอาจยังไม่จบเพราะก่อนการทำ Brexit กองทุนขายหุ้นสุทธิกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท แต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาซื้อกลับเพียง 6 พันล้านบาท ซึ่งยังเหลืออีกกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้ซื้อกลับ ขณะที่ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติก็น่าจะยังซื้อต่อเนื่องเพราะตลาดคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในยุโรปและญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: THAI (หุ้น Turnaround ตัวจริง ที่จะพลิกกลับมามีกำไรเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี) ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : กลุ่มพลังงาน โรงพยาบาล กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.)Sentiment “บวก” จากการปรับสูงขึ้นของ Dow Jones +1.57% และตลาดหุ้นยุโรป +2-3% รวมไปถึงราคาน้ำมันดิบ Brent +1.4% เป็นปัจจัยบวกต่อ SET มีแนวโน้มทดสอบ High เดิมที่ 1,450 จุด (อาจมีแรงขายระยะสั้น) และคาดว่าจะ Sideways Up ขึ้นต่อไปที่ 1,474 จุด ในระยะถัดไป
การบริโภคในประเทศฟื้นตัว นอกจากเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ที่ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นแล้ว 21% ยังเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อ (Media) ด้วยเช่นกัน ขณะที่ SETMEDIA ยัง Underperform ตลาดมากหรือ -2.6% ตั้งแต่ต้นปี…แนะนำ “ซื้อ” WORK และ “เก็งกำไร” RS