SET Sideway Up ลุ้นวัด 1,460ชง 14 หุ้นเด็ด เริ่มเก็งงบ Q2/59
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางไซด์เวย์ขาขึ้น โดยเชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อผลกระทบของ Brexit การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 ออกมาดี หรือเล้นสั้นในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.01 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.05 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการร่วงลงของตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังเงินเยนแข็งค่า
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางไซด์เวย์ขาขึ้น มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1,460 จุด โดยเชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อผลกระทบของ Brexit การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 ออกมาดี หรือเล้นสั้นในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเลือก CPF-TU-ASIAN-CK-CPN-ROBINS-SEAFCO-CPALL-JASIF-DIF-THANI-KTC-KKP และ KCE
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค.) ว่า ดัชนีแกว่งปิด Gap ทางเทคนิคเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน พร้อมปรับสูงขึ้นต่อระยะสัปดาห์ด้วยเป้าหมาย 1,480 หรือถัดไปที่ 1,520 จุด จาก 1) เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือน พ.ค.โดยเฉพาะการบริโภคเอกชน +5.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน รายได้ภาคการเกษตร (Farm Income) +6.7% 2) การลงทุนภาครัฐฯ เร่งตัว ล่าสุดเปิด TOR รถไฟฟ้า 3 เส้นทาง 3) Fed ชะลอขึ้นดอกเบี้ย หนุนเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง Earnings Yield Gap ที 4.6% ยังสูงอยู่ และ 4) การทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ส.ค.นี้ เปิดทางเลือกตั้งปลายปี 2560
แนะนำ “ซื้อ” CPF นอกจากประเด็นบวกทาง Sentiment หลังสหรัฐฯ ปรับอันดับค่ามนุษย์ไทยเป็น Tier-2, กำไรไตรมาส 2/59 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง และสัญญาณ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิค จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น ปรับสูงขึ้นไปที่ 30.25 หรือถัดไปที่ 33.00-34.00 บาท
รวมไปถึงแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มการบริโภค ลงทุนในประเทศ CK, CPN, ROBINS และ SEAFCO และ “เก็งกำไร” CPALL ขณะที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำนานแนะนำ “ซื้อ” JASIF, DIF, THANI, KTC และ KKP
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ทิศทางตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของอังกฤษ, ECB และญี่ปุ่น ประเมินดัชนียังมีโอกาส Sideway Up ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,460 จุด โดยมีแนวรับที่ 1,430 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นอย่างจำกัดความเสี่ยง เนื่องจากระดับ Forwad P/E ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 15.7 เท่า ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร CPF, TU และ ASIAN (+ สหรัฐปรับอันดับไทยสู่ระดับ Tier 2 Watch List)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค.) มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้ SET มีแนวโน้ม Sideways เนื่องจากขาดปัจจัยบวกหรือลบใหม่เข้าสู่ตลาด หลังนักลงทุนคลายความกังวลต่อผลกระทบของ Brexit ทำให้ภาวะตลาดหุ้นและตลาดเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมยังไม่สามารถทำ New high ได้ เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังกังวลกับผลกระทบของ Brexit ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกในระยะกลางและยาว ซึ่งจะสังเกตุเห็นว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างทองคำที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง และราคาพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกปรับขึ้นจนมีอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับต่ำมาก บางประเทศถึงขั้นติดลบ แม้ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยบวกที่ Fund Flow จะไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค แต่หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจบ้านเราตามไปด้วย
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป นักลงทุนน่าจะเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/59 จะออกมาดี ซึ่งหุ้นที่แนะนำเป็น Top picks ของปีนี้ มีโอกาสที่จะทำกำไรสูงสุดของปีนี้ด้วยทุกตัว (BDMS, KTC, CPALL, AP, CK, SCC, KCE, TOP, BEM, EPG, THAI, VIBHA, BIG, JAS, JASIF) นอกจากนี้ ยังเน้นการลงทุนในหุ้น Domestic Play เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากภาวะเศรฐกิจโลกชะลอตัวมากกว่าคาด สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปาดาห์นี้ได้แก่ รายงานผลประชุม Fed ของเดือนที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากเฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective BUY/ขึ้นเพื่อขายทำกำไรเล่นรอบ
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : KCE (เข้าเทรดใน SET50 วันแรก และเป็นหุ้นที่กองทุนเข้าซื้อมากที่สุด)