TSTH มั่นใจงวดปี 58/59 พลิกกำไรหลังบริหารต้นทุนดี-ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ

TSTH มั่นใจงวดปี 58/59 พลิกกำไรหลังบริหารต้นทุนดี-ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ


นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจผลประกอบการในงวดบัญชีปี 58/59 (เม.ย.58-มี.ค.59) จะพลิกกำไรสุทธิได้แน่นอน จากงวดปี 57/58 ที่ขาดทุนสุทธิ 610 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1 ปีนี้ (เม.ย.-มิ.ย.58) ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 11 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2 ก็มั่นใจว่าจะรักษาให้เป็นกำไรสุทธิได้จากการควบคุมต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และเน้นขายสินค้ามูลค่าเพิ่ม (value add) ให้มากขึ้น ซึ่งจะผลักดันยอดขายสินค้ามูลค่าเพิ่มให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป ประกอบกับการเน้นการให้บริการหลังการขายเหนือคู่แข่งก็เชื่อว่าจะทำให้เป็นทางเลือกแรกๆของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปริมาณขายเหล็กในปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1.25 ล้านตัน สูงกว่าปีก่อนกว่า 10% นั้นยอมรับว่าไม่ง่ายที่จะทำได้ตามเป้าเพราะไตรมาส 1 ปีนี้ขายได้ 2.7 แสนตัน ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนราว 10% เนื่องจากการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐล่าช้ากว่าแผน และความต้องการใช้เหล็กในประเทศก็เติบโตได้เพียง 1-2% จากเดิมคาดโต 4-5% แต่ปีนี้บริษัทคาดว่าจะส่งออกมากขึ้นจากการเตรียมส่งสินค้าเหล็กเส้นให้กับโครงการเขื่อนไชยะบุรี ในลาว ประมาณ 3 หมื่นตัน เริ่มส.ค.-ธ.ค.58 นี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนส่งออกปีนี้เพิ่มเป็น 11-12% จากปีก่อน 7% ขณะเดียวกันบริษัทก็พยายายามขยายตลาดส่งออกด้วย โดยอยู่ระหว่างกำลังพิจารณาที่จะส่งออกไปนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เพิ่มเติม จากปัจจุบันตลาดส่งออก ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า อินโดนีเซีย อินเดีย

นายราจีฟ กล่าวว่า การส่งออกสินค้าเหล็กจากจีนที่รุนแรงมากขึ้น และการลดค่าเงินหยวนได้สร้างความกังวลต่อผู้ผลิตเหล็ก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อราคาเหล็กในประเทศและภูมิภาค

สำหรับในปีนี้มองว่ายังไม่มีแรงส่งให้ธุรกิจเหล็กดีขึ้น ทำให้บริษัทต้องจัดการภายในองค์กร เพื่อที่จะลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ประกอบกับมาร์จินที่อ่อนแอก็ต้องบริหารจัดการเงินสดให้ดี โดยไม่ใช้เงินมากในบางรายการที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีกำไรสุทธิ ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ก็สามารถทำกำไรได้จากการที่ลดต้นทุน ผลักดันสินค้ามูลค่าเพิ่ม ส่วนขาดทุนสะสมที่มีราว 3,000 ล้านบาทนั้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายราจีฟ กล่าวว่า อยากจะฝากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขอให้ผลักดันโครงการอินฟราสตรัคเจอร์ โดยให้เร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนงานก็จะทำให้มีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อประเทศชาติและประชาชน รวมถึงให้ควบคุมดูแลไม่ให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในตลาด

Back to top button