พาราสาวะถีอรชุน

๑๑วันนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือกรธ. เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังพร้อมเสนอแนะความเห็นต่อการร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาโครงสร้างของฝ่ายนิติบัญญัติหรือระบบรัฐสภานั่นเอง ที่จับตามองกันเป็นพิเศษที่รูปแบบของการเลือกตั้งส.ส.และที่มาของส.ว. จะพิสดารเหมือนอย่างที่ใครบางคนเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่


๑๑วันนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือกรธ. เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังพร้อมเสนอแนะความเห็นต่อการร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาโครงสร้างของฝ่ายนิติบัญญัติหรือระบบรัฐสภานั่นเอง ที่จับตามองกันเป็นพิเศษที่รูปแบบของการเลือกตั้งส.ส.และที่มาของส.ว. จะพิสดารเหมือนอย่างที่ใครบางคนเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
๑๑จะว่าไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งส.ส.นั้น ในส่วนแบบแบ่งเขตก็มีเพียงแค่ 2 ทางเลือกคือ เขตเดียวเบอร์เดียวหรือไม่ก็เขตใหญ่เรียงเบอร์ ถ้าจะให้พิสดารพันลึกก็คงหนีไม่พ้นการแบ่งเขตเลือกตั้งกันใหม่ให้ใหญ่ขึ้น แล้วมีส.ส.น้อยลง ซึ่งคงไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นคือ อัตราส่วนของประชากรกับจำนวนส.ส.ในเขตนั้นๆที่น่าจะดูแลกันได้อย่างทั่วถึง
๑๑ความพยายามที่จะลดจำนวนส.ส.ส่วนนี้ หนีไม่พ้นการหาหนทางที่จะลดจำนวนส.ส.ของพรรคนายใหญ่ ขณะที่ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คงต้องดูว่าจะยังคงยืนกรานเหมือนร่างรัฐธรรมนูญฉบับด๊อกเตอร์ปื๊ดที่เลือกแบบสัดส่วนแบบเยอรมัน อันมีกระบวนการขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก หากเลือกแนวนี้เสียงต้านจากฝ่ายการเมืองก็น่าจะยังคงมีอยู่
๑๑แต่ไม่ว่าเลือกตั้งส.ส.ทั้งสองส่วนจะถูกกำหนดออกมาอย่างไร ประสานักการเมืองและพรรคการเมืองคงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม สิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่าคงเป็นประเด็นที่มาของส.ว. ถ้ายังยึดบริบทเดิมแบบรัฐธรรมนูญปี 2550 คือ เลือกตั้งผสมลากตั้งก็ยังพอจะทนกันได้ แต่หากใช้เหมือนร่างที่เพิ่งถูกคว่ำไปให้น้ำหนักกับลากตั้ง โดยมีเลือกตั้งแค่เป็นพิธี สิ่งนี้คงยากที่จะทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยเปิดใจยอมรับได้
๑๑ต้องไม่ลืมว่า การวางกับดักจากส.ว.ลากตั้ง บวกเข้าไปกับทั้งองค์กรอิสระที่ไม่รู้ว่าจะงอกองค์กรใหม่อะไรออกมาอีกหรือไม่ พ่วงเข้าไปกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปรองดองและการปฏิรูปแห่งชาติหรือคปป. ที่ยังไม่รู้ว่า มีชัย ฤชุพันธุ์ ซือแป๋กฎหมายประจำรัฐบาลและคสช. จะขัดเกลาออกมาอย่างไรให้คนส่วนใหญ่ยอมรับ
๑๑เรื่องที่ว่าจะไม่มีบัญญัติไว้เลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจแบไต๋กันไปหลายครั้งหลายหน ต้องสร้างกลไกเพื่อมาควบคุมหรือผ่าทางตันในยามที่ประเทศเผชิญวิกฤติให้ได้ จุดใหญ่ใจความที่จะต้องอธิบายกันให้ได้คือ วิกฤติที่ว่านั้นคืออะไร ประเภทพรรคแพ้เลือกตั้งเป็นฝ่ายค้านดักด้านมาปลุกม็อบล้มรัฐบาลที่ชนะเลือกตั้งหรืออยู่เบื้องหลังจัดม็อบเพื่อโบกมือดักกวักมือเรียกรัฐประหาร เช่นนี้ ไม่น่าสง่างาม
๑๑อีกประการที่สำคัญอย่างยิ่งยวดคงหนีไม่พ้นปมว่าด้วยเป็นคณะกรรมการที่มีอำนาจเหนืออำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและอาจรวมไปถึงฝ่ายตุลาการหรือเป็นรัฐซ้อนรัฐ เพราะนั่นก็ไม่ต่างจากการรัฐประหารโดยกฎหมายสูงสุดของประเทศ หรืออีกมุมก็คือการสืบทอดอำนาจของคสช.นั่นเอง ที่บอกว่าเร่งรัดและรวดเร็วจะได้เห็นร่างแรกในเดือนมกราคมปีหน้านั้น ขอให้เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่โปร่งใสไม่ลับ ลวง พรางก็แล้วกัน
๑๑ออกมาปรามไว้แต่เนิ่นๆทั้ง สรรเสริญ แก้วกำเนิด และ วินธัย สุวารี โฆษกรัฐบาลกับโฆษกกองทัพบก เรื่องมีนัดหมายใส่เสื้อแดงให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยขู่ฟ่อดๆหากเข้าทำนองยั่วยุ ปลุกปั่นจะจัดการตามขั้นตอนของคสช.ทันที ทีนี้ที่เป็นปัญหาคือวันดังว่าเป็นอาทิตย์ ที่โดยปกติคนส่วนใหญ่จะชอบใส่เสื้อสีแดงอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหน่วยงานความมั่นคงจะใช้หลักการใดมาตีความ
๑๑ทว่ามีการยืนยันมาจากหัวหน้าใหญ่ของคนเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ย้ำว่า ไม่ได้มีการนัดหมายให้กระทำการดังกล่าว ข่าวที่ออกมาโดยผ่านโซเซียลมีเดีย เป็นการกระทำของกลุ่มคนไม่หวังดี แล้วมีอดีตแกนนำบางคนหลงไปฮุบเหยื่อ ทั้งๆเจตนาของกลุ่มที่กระทำคือต้องการปั่นกระแสสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นกับคนเสื้อแดง
๑๑หวังผลสองทางคือ หากวันดังกล่าวไม่มีใครใส่เสื้อแดงตามนัดหมายก็จะให้ข่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงนั้นไร้พลังไปแล้ว แต่อีกด้านที่แยบยลยิ่งคือ หวังจะจุดกระแสว่าคนเสื้อแดงกำลังจะรวมตัวกันโอบอุ้มบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตในโครงการจำนำข้าวนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ยิ่งลักษณ์จึงส่ง วิม รุ่งวัฒนจินดา คณะทำงานส่วนตัวออกมาให้ข่าวแก่สื่อมวลชน
๑๑อดีตนายกฯหญิงรู้ดีถึงกำลังใจที่ประชาชนมอบให้สัมผัสผ่านการลงพื้นที่ไปทำบุญตามจังหวัดต่างๆ เสียงตะโกนให้สู้ๆยังหนาแน่น ส่วนการนัดหมายให้ใส่เสื้อแดงนั้นไม่รู้ว่าฝีมือใคร แต่มองไปที่เจตนาไม่ใช่หวังดีแน่นอน เพราะจะเป็นการสร้างให้เกิดความแตกแยก พร้อมๆกับฝากข้อความไปถึงผู้มีอำนาจไปในตัว หากวันใดที่ประชาชนเห็นว่าอดีตนายกฯหญิงไม่ได้รับความเป็นธรรม วันนั้น เวลานั้นทุกคนจะพร้อมใจกันออกมาให้กำลังใจยิ่งลักษณ์เอง โดยไม่ต้องนัดหมายหรือแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใดๆ
๑๑ขณะเดียวกันจตุพรก็ตอกย้ำถึงข้อพิรุธของข่าวที่ปล่อยมาว่า เป็นขบวนการเสี้ยมที่เป็นชุดเดียวกับการทำงานปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโอเมื่อปี 2553 โดยคนพวกนี้เชี่ยวชาญการกุข่าว เป็นนักสร้างข่าวเท็จขึ้นมาเสี้ยมเป็นอาชีพ เมื่อคนเสื้อแดงอยู่นิ่งสงบมาปีกว่า แล้วมาปล่อยข่าวนัดให้ใส่เสื้อแดงแดง เพราะรู้นิสัยว่า ถ้าถูกแหย่จะออกมาปฏิเสธ แล้วปั่นกระแสต่อว่า ไม่รักอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์
๑๑ในทางกลับกันถ้ายอมรับจะถูกกล่าวหาว่าสร้างความแตกแยก แต่ต้องบอกว่ามาถึงพ.ศ.นี้แกนนำเสื้อแดงและแนวร่วมไม่ได้โง่ จึงไม่หลงกลและตกเป็นเหยื่อ ซึ่งถ้าจะมีการนัดหมายคนชื่อจตุพรจะเป็นคนประกาศเอง ไม่เพียงเท่านั้นประธานนปช.ยังฟันธงด้วยว่า เป็นปกติธรรมดาของฝ่ายผู้มีอำนาจเมื่อจวนตัวหรือมีปัญหาเรื่องหนึ่งเรื่องใด ต้องนึกถึงของตายไม่จุดประเด็นเรื่อง ทักษิณ ชินวัตร ก็หาเหตุมาให้คนเสื้อแดง
๑๑สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้จากท่วงทำนองของประธานนปช.คงเป็นคำพูดที่ว่า ตอนนี้หนังอยู่ท้ายเรื่องใกล้จบแล้ว ควรนิ่งสงบดูให้จบ หากเสื้อแดงแสดงพลัง พวกเดียวกันที่กำลังทะเลาะกันอยู่เวลานี้จะหันมาดีกันแล้วจะทำให้คนเสื้อแดงกลายเป็นหมาหัวเน่าทันที ดังนั้น ต้องตั้งหลักให้คนไทยรักความยุติธรรมรับรู้เหตุผล สิ่งที่มีการยั่วยังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่แหละที่เป็นอุปสรรคทำให้การปรองดองเป็นเพียงแค่ลมปากเพื่อให้ฝ่ายที่พูดดูดีเท่านั้น
/////

Back to top button