CPF ดัน “Meat Zero” รุกตลาดเอเชีย ประเดิมเสิร์ฟสิงคโปร์-ฮ่องกง

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงผู้บริโภคกลุ่มวีแกนและกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น (Flexitarian) มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 29 ของประชากรโลก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในแต่ละปี โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย เช่น ฮ่องกง ที่ในปัจจุบันมีผู้บริโภคกลุ่มนี้อยู่ถึงร้อยละ 40 ด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม อาหารกลุ่ม Plant based นั้น ยังมีข้อจำกัดเรื่องราคาค่อนข้างสูง ชนิดสินค้าที่ไม่หลากหลาย และไม่แพร่หลายมากนัก ซีพีเอฟ ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารระดับโลก จึงได้ค้นคว้าวิจัย MEAT ZERO ร่วมกับสถาบันศึกษา แสะศูนย์วิจัยชั้นนำจากทั้ง ในไทย อเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นเวลามากกว่า 3 ปี จนประสบความสำเร็จได้เป็นนวัตกรรม PLANT-TEC

โดยเทคนิคการผลิตอาหารจากพืชที่สร้างรสสัมผัสเสมือนเนื้อสัตว์จริง ทั้งลักษณะ รสชาติ กลิ่น ไปจนถึงเนื้อสัมผัส ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายรูปแบบในราคาที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ ยิ่งไปกว่านี้ แบรนด์ MEAT ZERO ยังให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ด้วยส่วนประกอบที่ทำจากพืช จึงปราศจากคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีปริมาณโปรตีนเทียบเคียงกับเนื้อสัตว์ และไฟเบอร์ที่สูงอีกด้วย

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช MEAT ZERO เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จนกลายเป็นแบรนด์ Plant- based อันดับหนึ่งของไทยในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยยอดขายกว่า 4 ล้านแพ็ค นับตั้งแต่เปิดตัว และล่าสุด เพิ่งคว้ารับรางวัลชนะเลิศ BEST PLANT-BASED BRANDING จาก Root The Future Plant-Based Food Awards 2021 จากผลคะแนนโหวตของผู้บริโภค อีกด้วย

สำหรับในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซีพีเอฟ ได้นำผลิตภัณฑ์ยอดนิยม แบรนด์ MEAT ZERO  ทั้ง โบโลน่าจากพืช ข้าวกระเพราเนื้อจากพืช สปาเก็ตตี้เนื้อสับ เสิร์ฟความอร่อยจากไทย สู่ผู้บริโภคสิงคโปร์ ผ่านร้านค้า และช่องทางออนไลน์ เช่น Cold Storage NTUC FairPrice FairPrice Online RedMart Amazon Caltex SPC และ Sinopac Petrol Kiosks และสำหรับฮ่องกง ผลิตภัณฑ์ MEAT ZERO วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน WELLCOME Stores AEON Stores (Hong Kong) YATA Department Store ABOUTHAI Stores FRESH Stores PANDAMART และ HKTVMALL

ทั้งนี้ การเปิดตลาดเอเชียในปีนี้ เป็นเพียงก้าวแรกของ MEAT ZERO ก่อนที่จะขยายไปสู่ตลาดยุโรป อเมริกา และภูมิภาคอื่นๆ ตามเป้าหมายการเป็นแบรนด์เนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชีย ภายในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคต หรือ Food Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั่วโลก